พี่มากฟีเว่อร์ 500 ล้าน ถือว่าเป็นความสำเร็จของ หนังไทยเรื่องพี่มากพระโขนง แห่งค่ายจีทีเอช..
ทุกๆ อย่างนั้นต้องยอมรับว่าเกิดมาด้วยฝีมือและมันสมองล้วนๆ ได้ทั้งการตลาด การทำหน้าหนัง และการทุ่มทุนโปรดักชั่นหลายล้านบาท แถมยังได้ดารานำ อย่าง "มาริโอ้" และ "ใหม่-ดาวิกา" มาดึงดูดคนดูอีกด้วย แถมยังได้แก๊งสี่เกลอจากสี่แพร่งมาเรียกเสียงฮาแบบทะลุจอ แต่ที่เห็นจะเป็นส่วนสำคัญที่สุดคง จะไม่พ้นผู้กำกับมือดี "โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล" ผู้ที่สร้างปรากฏการณ์ "พี่มากฟีเว่อร์" .. "โชะเด๊ะ" จึงไม่รอช้าที่จะชวน "หนุ่มโต้ง" มาเมาธ์มอยถึงความสำเร็จของ "พี่มาก.. พระโขนง" ..
"จริงๆ เริ่มมาจากตั้งแต่ผมทำสี่แพร่ง ห้าแพร่ง เรื่องคนกลางคนกอง ซึ่งเป็นเรื่องสั้น ตัวละคร 4 ตัวนี้ ทำแล้วคนดูขำกับมันมาก ตอน นั้นในใจรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งเราจะขึ้นจอใหญ่เป็น หนังยาว แต่ก็หาเรื่องอยู่นานมากก็เริ่มนึกภาพว่าถ้าเราย้อนอดีตกลับไปจะเป็นยังไง ตอนนั้นก็ยังไม่มีพล็อตจนกระทั่งเต๋อ (ฉันทวิชช์) พูดขึ้นมาว่าเราเอาตำนานมาทำเป็นสมัยใหม่มั้ย เป็น แบบเรื่องแม่นาค แต่มาทำให้เป็นปัจจุบัน ผมก็รู้สึกว่าน่าสนใจ แต่พอมาเป็นปัจจุบันแล้วกลาย เป็นว่าเราไม่อยากเห็นพวกนี้ในยุคปัจจุบันมันธรรมดาไปแล้วครับ ก็เลยคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้า 4 คนนี้มาอยู่ในตำนานแม่นาค ผมมีไอเดียขึ้นมาเลย ประมาณว่าเป็นเพื่อนพี่มาก"
"ก็เลยคิดพล็อตตั้งแต่วันนั้นพยายามจะบอกว่าเมียมึงนะเป็นผีนะอะไรประมาณนี้ครับ โดยที่บอกตรงๆ ก็ไม่ได้กลัวนางนาคมาหักคอก็เลยเป็นหนังตลกขึ้นมา ซึ่งวันนั้นเราก็คิดเป็นมุก ขึ้นมาเต็มเลยเป็นฉากสำคัญๆ ในหนังวันแรกเลย แต่จากวันนั้นมาหัวเราะกันตลอดอยู่ปีครึ่งครับ กว่าจะเป็นหนัง กว่าจะลงตัว ไอเดียเริ่มต้นเรารู้สึกว่า มันสนุกที่ว่าถ้า 4 คนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับพี่มาก แล้ว 4 คนนี้รู้ว่าเมียเพื่อนเป็นผีแล้วก็อยากจะบอกกับพี่มากมาก แต่ประเด็นมันมีให้ เห็นแล้วว่ามีคนไปบอกแม่นาคแล้วโดนหักคอตายไป 4 คนนี้ ก็เลยต้องบอกโดยที่บอกตรงๆไม่ได้ ก็จะเป็นเรื่องวิธีการต่างๆ นานา ตลกๆ ครับ"
+ เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ เพราะว่าต้องการที่จะเอาสี่คนนี้มาเป็นตัวเอกของเรื่องเลยก็ว่าได้..
"เกิดจาก 4 คนนี้ก่อนครับ ตั้งแต่เต๋อพูดขึ้นมาว่า เอาตำนานมาทำเป็นปัจจุบันกันดีมั๊ย ซึ่งสี่คนนี้ก็เป็นตัวละครที่ผมชอบมากๆ อาจจะตีความเอาไปประชดประชันเสียดสีกับตำนานอื่นๆ ได้อีก ก็ต้อง รอดูต่อไปว่าเราจะคิดเรื่องอะไรได้อีก 4 คนนี้เป็นนักแสดงที่มืออาชีพมากครับ ตลกมาก คือเขาจะไม่ ใช่แค่ถ่ายไปวันๆ ครับ เขาจะนำเสนอมุกอยู่ตลอดเวลา แล้วเคมีมันตรงกันมาก คือเราทำงานจนเป็นเพื่อนกันหมดแล้วครับ 4 คนนี้พลังเหลือเฟือมากครับถ่าย กันตี 5 แล้วยังแหกปากร้องเพลงได้ จะฮามาก"
แหม "ผู้กำกับโต้ง" เล่นอวยกันอย่างนี้ แถมหนังยังกระแสฮอตฮิตแรงไม่ตก "โชะเด๊ะ" จึงชวนแก๊งสี่เกลอ.. "ฟรอย-ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์" .. "เผือก-พงศธร จงวิลาส" .. "เชน-วิวัฒน์ คงราศี" และ "บอมบ์-กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข" มา บอกเล่าเก้าสิบถึงที่มาที่ไปกว่าแก๊งสี่เกลอจะฮอต ฮิต เท่าทุกวันนี้..
{gt} บอมบ์ : นี่เราดังแล้วใช่ไหม สำหรับผม เริ่มจากไปออดิชั่นร้องเพลง ไม่รู้นะ ตัวผมเองก็ไม่ได้รู้สึก ว่าโด่งดังอะไร ยังเหมือนเดิม แต่เพียงว่าหนังที่เราเล่นมันคงจะเป็นที่ตอบรับจากหลายๆ คนที่ชื่นชอบ
{gt} เผือก : เอาเป็นว่าแค่ได้เข้าวงการ ยังไม่คิดเลย ผมเป็นพนักงานบริษัทโฆษณา รับจ๊อบถ่ายโฆษณาบ้างนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ลางานมาเล่นหนังสี่แพร่ง ห้าแพร่ง จากนั้นก็ไหลมาเรื่อยจนถึงจุดนี้ ไม่ได้วางแผน หรือใฝ่ฝันอะไรเลย
{gt} เชน : ส่วนผมเข้ามาวงการบันเทิงก่อนใครเพื่อนก็เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาไปวันๆ ไม่ได้หวังจะ ต่อยอดทางการแสดงไปเล่นหนัง เล่นละครอะไรมาก มาย ตอนนี้ก็ยังทำงานประจำเป็นดีเทลขายยา
{gt} ฟรอย : ผมไม่ได้มีความคิดอยากจะดัง อยากมีชื่อเสียงอะไรอยู่แล้ว ทำแล้วแฮปปี้ คิดแค่อยากสนุก แล้วอยากให้คนดูสนุก มีความสุขด้วยเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ไปไหนคนก็เรียกสี่เกลอ ไม่ก็เรียกไอ้เต๋อ เพราะเค้าติดภาพเรา จำเราได้ในคาแร็กเตอร์นั้นไปแล้ว ก็ขอบคุณครับ
+ แต่ละฉากและมุกที่รับส่งกันนั้นดูเข้าขากัน ได้ดีซะจนเหมือนเป็นเหล่าก๊วนเพื่อนกันมานานแสนนาน..
{gt} เผือก : ครั้งแรกตอนเวิร์กช็อปหนังเรื่อง สี่แพร่งก็รู้สึกแล้วว่านี่คือทีมเดียวกัน มันเข้ากันโดยที่เราก็ไม่รู้ว่าทำไม จริงๆ หนังเรื่องนี้เว้นวรรคไปด้วยซ้ำ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเกือบ 3 ปี แต่แปลก ตรงพอกลับมาร่วมงานกันในพี่มากพระโขนงมันแทบ ไม่ต้องเริ่มใหม่
{gt} บอมบ์ : ใช่มันต่อติดเลย รู้ทางกันหมดแล้ว
{gt} ฟรอย : จริงๆ นอกกองเราก็สนิทกันอยู่แล้วนะ ไม่ใช่ว่าสั่งแอ็กชั่นก็ค่อยแสดงว่าเป็นเพื่อนซี้กัน พวกเราสนิทกันจนไม่มีช่องว่าง ไม่ต้องวางตัวอะไรกันแล้ว
+ แก๊งสี่เกลอนี่แหละตัวขโมยซีนพันธุ์แท้ที่ทำให้หนังเรื่องนี้โกยรายได้มหาศาล
{gt} เชน : เค้าบอกว่าพวกผมเด่นมาก 4 คนที่เล่นเป็นเพื่อนพี่มากพระโขนง คิดง่ายๆ ว่าถ้าตัดส่วนดราม่าที่ยอดเยี่ยมของโอ้ กับใหม่ออกไป แล้วมีแต่พวกผม หนังเรื่องนี้ก็จะเป็นแค่หนังตลกโปกฮาธรรมดาทั่วไป
+ ความสำเร็จถล่มทลาย คนดูต้องจองตั๋วข้ามวัน..สี่เกลอกระซิบบอกสูตรสำเร็จของหนังไว้อย่างน่าฟัง..
{gt} เชน : วิธีบอกต่อครับ คนที่ไปดูแล้วชอบก็บอกต่อเพื่อน ปากต่อปาก ใครไม่ดูคงรู้สึกเชย ตกกระแส
{gt} เผือก : ผมเคยคุยกับพี่โต้งว่าหนังเรา ถ้าเข้าไปดูแล้วฮาถือว่าเสมอตัว แต่ถ้าคนออกจากโรงแล้วแบบน้ำตานองหน้า นี่แหละหนังเราจะ Success ที่สุด ต้องยกเครดิตให้ 2 คนนั้นเลย พอมันจบซึ้งปุ๊บ คนดูก็จะเฮ้ย หนังตลกบ้าไรวะ ซึ้งอยู่แล้วน้ำตาไหลออกมา น้ำตาไหลแล้วกลับมาหัวเราะใหม่ มันกลายเป็นเซอร์ไพรส์ของคนที่มาชม มันลงตัวพอดี เป๊ะมาก
{gt} ฟรอย : เบื้องหลังความสำเร็จ เราต้องให้เครดิตทีมงานทุกคนครับ ทีมเวิร์กกองพี่มาก พระโขนงนี่ถือว่าสุดยอด ที่ผ่านมา ตำนานแม่นาคพระโขนง เมื่อจับมาทำหนังมักตีความในแง่ของหนังผี ความรัก แต่เรื่องนี้ดูมันแหวกแนวออกมาเลย
{gt} บอมบ์ : ตอนที่ประกาศออกมาว่าคนมารับบทพี่มากคือมาริโอ้ แม่นาคเป็นใหม่ ดาวิกา คนก็ด่ากัน เฮ้ย เอาฝรั่งมาเล่นทำไม แต่พอทุกๆ อย่างมันค่อยๆ เปิดเผยออกมา คนก็เริ่มรู้แล้วล่ะว่าเรากำลังจะทำอะไร
+ ไม่ใช่ฮาเฉพาะในจอ เพราะบรรยากาศในกองถ่าย เรียกได้ว่าฮากันขี้แตกขี้แตน..
{gt} บอมบ์ : ฮามาก เพราะมันมีระยะเวลาในการถ่ายทำเยอะ นี่อยู่กัน 2 เดือนครึ่ง เจอกันก็ป่วนๆ กันอย่างเนี้ย ทั้งพวกช่างหน้า ช่างอะไรต่อมิอะไรพวกเนี้ย ในกองเรามันจะมีแต่เรื่องความฮาๆ ตลอดเวลา
{gt} เผือก : ใช่ๆ โดยเฉพาะฟรอยที่คอยกระตุ้นให้เพื่อนไม่ง่วง มันมีความพิเรนทร์ของมันตลอดทั้งคืน ตีสามตีสี่ก็ยังคึกอยู่ ที่สำคัญคือ กองเรามีนางเอกที่สวย น่ารัก ก็ชุ่มชื่นหัวใจนะเวลามากอง
+ ปกติจะเห็นสี่เกลออยู่ในหนังตลก หนังผีเท่านั้น ใครจะคิดว่า พี่มาก..พระโขนง อาจจะเป็นหนังผีตลกเรื่องสุดท้ายของแก๊งสี่เกลอ..
{gt} เผือก : มันอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่เล่นหนังผีตลกก็ได้ เราเดินทางมาตั้งแต่สี่แพร่ง สี่แพร่งนี่คนไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้รู้จักเราเลย แต่มันดันประสบความสำเร็จ ห้าแพร่งคือการต่อ ยอดของแก๊งนี้
{gt} เชน : ผมรู้สึกว่ามันพีคที่สุดแล้ว เรื่องพี่มากพระโขนง นี้มันอาจจะเป็นผีตลกเรื่องสุดท้ายแล้วก็ได้สำหรับพวกเรา ถ้าเป็นนักบอลก็คงแขวนสตั๊ดแล้ว
ฮาทะลุ 500 ล้าน สำลักความสำเร็จ "พี่มาก..พระโขนง" .. "สี่เกลอ" อิ่มตัว ประกาศ เปลี่ยนคาแร็กเตอร์..โชะเด๊ะ!!!