เปิดเทคนิคกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ซื้อบ้าน-คอนโดให้ผ่านฉลุย 2568

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

เปิดเทคนิคกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ซื้อบ้าน-คอนโดให้ผ่านฉลุย 2568


การมีบ้านหรือคอนโดเป็นของตัวเอง ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของชีวิต แต่เส้นทางสู่การเป็นเจ้าของบ้านในฝัน จำเป็นจะต้องวางแผนให้ดีโดยเฉพาะการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อให้ได้รับการอนุมัติอย่างราบรื่น บทความนี้จึงได้รวบรวมเทคนิคและข้อมูลสำคัญจากผู้เชี่ยวชาญ มาสรุปเป็นคู่มือการเตรียมตัวกู้บ้านฉบับสมบูรณ์ ที่จะช่วยให้การกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดของคุณเป็นเรื่องง่ายและผ่านฉลุยอย่างไร้กังวล

เช็กความพร้อมทางการเงินก่อนกู้ซื้อบ้าน ต้องดูอะไรบ้าง?

หัวใจสำคัญที่สุดของการขอสินเชื่อให้ผ่าน คือการเตรียมความพร้อมทางการเงิน เพราะธนาคารจะพิจารณาอนุมัติจากความสามารถในการชำระหนี้และวินัยทางการเงินเป็นหลัก ดังนั้นก่อนยื่นกู้ ควรประเมิน 3 ปัจจัยสำคัญนี้อย่างละเอียด

ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระหนี้

ก่อนอื่นต้องประเมินศักยภาพของตนเองว่าสามารถผ่อนบ้านในแต่ละเดือนได้เท่าไหร่ โดยใช้หลักการที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่ใช้พิจารณา คือ สัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt-to-Service Ratio หรือ DSR) ซึ่งภาระหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่เดิมรวมกับค่างวดที่คาดว่าจะผ่อนในครั้งนี้ ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เช่น หากมีรายได้ 50,000 บาท ภาระหนี้ทั้งหมดไม่ควรเกิน 20,000 บาท การคำนวณเบื้องต้นจะช่วยให้เรามองหาที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่เหมาะสมกับความสามารถของเราได้

สร้างเครดิตบูโรให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ข้อมูลเครดิต หรือ "เครดิตบูโร" คือรายงานพฤติกรรมทางการเงินทั้งหมดของเรา ซึ่งธนาคารจะใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความน่าเชื่อถือและวินัยทางการเงิน การมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ตรงต่อเวลา ไม่เคยผิดนัดชำระ จะสร้างความมั่นใจให้กับธนาคารอย่างมาก หากใครมีหนี้สิน เช่น หนี้สินเชื่อส่วนบุคคลหรือบัตรเครดิตที่ยังค้างอยู่ ควรจัดการปิดบัญชีหนี้ที่ไม่จำเป็นออกไปก่อนยื่นกู้สินเชื่อบ้านอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อสร้างโปรไฟล์ทางการเงินที่แข็งแกร่ง

เงินดาวน์บ้าน เรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้าม

เงินดาวน์เปรียบเสมือนเครื่องยืนยันความพร้อมและความตั้งใจในการซื้อบ้าน โดยทั่วไปธนาคารมักกำหนดให้วางเงินดาวน์ขั้นต่ำ 10-20% ของราคาซื้อขาย การมีเงินดาวน์สูงไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ แต่ยังส่งผลดีในระยะยาว เพราะจะช่วยลดภาระยอดหนี้ที่ต้องกู้ ทำให้ค่างวดผ่อนต่อเดือนลดลง และยังช่วยประหยัดดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญาได้อีกด้วย

เปิดลิสต์เอกสารขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย เตรียมให้ครบ จบในครั้งเดียว

การเตรียมเอกสารกู้บ้านให้ครบถ้วนและถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก จะช่วยให้กระบวนการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น ลดโอกาสที่ธนาคารจะขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้การอนุมัติล่าช้าออกไป โดยเอกสารหลักๆ จะแบ่งตามลักษณะอาชีพของผู้กู้

เอกสารสำหรับพนักงานประจำ

  • เอกสารส่วนตัว สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี), สำเนาทะเบียนสมรส/หย่า (ถ้ามี)
  • เอกสารทางการเงิน สลิปเงินเดือน (คาร์บอน) หรือหนังสือรับรองเงินเดือน (อายุไม่เกิน 2 เดือน), รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) 6 เดือน

เอกสารสำหรับเจ้าของกิจการและอาชีพอิสระ

  • เอกสารส่วนตัว สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี), สำเนาทะเบียนสมรส/หย่า (ถ้ามี)
  • เอกสารทางธุรกิจ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน หรือทะเบียนการค้า (อายุไม่เกิน 3 เดือน), สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
  • เอกสารทางการเงิน รายการเดินบัญชีของกิจการและส่วนตัวย้อนหลัง 6-12 เดือน, หลักฐานแสดงการเสียภาษี, ภาพถ่ายกิจการและแผนที่ตั้ง

เทคนิคเลือกสินเชื่อบ้าน-คอนโด และขั้นตอนการยื่นกู้

หลังจากเตรียมความพร้อมด้านการเงินและเอกสารเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และทำความเข้าใจกระบวนการยื่นกู้ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้

  1. ยื่นเอกสารและสมัครสินเชื่อ เป็นขั้นตอนแรกในการยื่นเรื่องกับธนาคารที่เลือกไว้ โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสารและข้อมูลเบื้องต้นของผู้กู้ การกรอกข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงจะช่วยให้การดำเนินการในขั้นต่อไปรวดเร็วยิ่งขึ้น
  2. ธนาคารประเมินราคาหลักประกัน หลังจากรับเรื่องแล้ว ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่จากบริษัทประเมินที่เป็นกลางเข้าไปประเมินมูลค่าของบ้านหรือคอนโดที่เราต้องการซื้อ วงเงินกู้สูงสุดที่ธนาคารจะอนุมัติจะอ้างอิงจากราคาประเมินนี้เป็นสำคัญ ซึ่งอาจไม่เท่ากับราคาซื้อขายเสมอไป
  3. วิเคราะห์และรอผลการอนุมัติ ธนาคารจะนำข้อมูลทั้งหมด ทั้งโปรไฟล์ทางการเงินของผู้กู้และราคาประเมินหลักประกัน เข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่ออย่างละเอียด ซึ่งจะใช้ระยะเวลาแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบันการเงิน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1-4 สัปดาห์
  4. นัดทำสัญญาและจดจำนอง เมื่อสินเชื่อได้รับการอนุมัติ ธนาคารจะนัดหมายผู้กู้และผู้ขายเพื่อทำสัญญาเงินกู้ และเดินทางไปยังสำนักงานที่ดินเพื่อทำธุรกรรมจดจำนองหลักประกัน ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการรับมอบกรรมสิทธิ์บ้านในฝัน

วิธีเปรียบเทียบและเลือกสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้คุ้มค่าที่สุด

การเลือกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมจะช่วยลดภาระทางการเงินในระยะยาวได้ ดังนั้นควรพิจารณาเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายๆ ธนาคาร โดยใช้ปัจจัยเหล่านี้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ

  • อัตราดอกเบี้ย อย่ามองเพียงตัวเลขดอกเบี้ยในปีแรก แต่ควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก และ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา เป็นหลัก เพราะเป็นภาพรวมต้นทุนที่แท้จริง พร้อมทำความเข้าใจประเภทของดอกเบี้ยว่าเป็นแบบคงที่ (Fixed Rate) หรือลอยตัว (Floating Rate) เพื่อวางแผนการเงินในอนาคต
  • วงเงินกู้สูงสุด แต่ละธนาคารอาจเสนอวงเงินกู้ (Loan-to-Value: LTV) ที่แตกต่างกัน บางแห่งอาจให้วงเงินสูงถึง 95-100% ของราคาประเมิน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินดาวน์จำกัด
  • ระยะเวลาผ่อนชำระ ระยะเวลาผ่อนที่ยาวนานขึ้นจะทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง แต่ภาระดอกเบี้ยโดยรวมจะสูงขึ้น ในทางกลับกัน ระยะเวลาผ่อนที่สั้นลงจะทำให้ค่างวดสูงขึ้น แต่ประหยัดดอกเบี้ยได้มากกว่า ควรเลือกระยะเวลาที่ทำให้การผ่อนชำระในแต่ละเดือนไม่ตึงเครียดจนเกินไป และเลือกงวดผ่อนที่ทำให้ภาระต่อเดือนไม่หนักจนเกินไป
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ ตรวจสอบค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ นอกเหนือจากดอกเบี้ย เช่น ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์, ค่าอากรแสตมป์, ค่าจดจำนอง และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ควรมองหาโปรโมชั่นที่ช่วยยกเว้นค่าธรรมเนียมเหล่านี้เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
  • เงื่อนไขพิเศษและโปรโมชั่น พิจารณาเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบ เช่น ความยืดหยุ่นในการโปะหรือปิดยอดหนี้ก่อนกำหนดโดยไม่มีค่าปรับ (Prepayment Fee) รวมถึงโปรโมชั่นพิเศษที่อาจได้รับ เช่น ส่วนลดดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าเงินเดือนผ่านธนาคารนั้นๆ

สรุปบทความ

การขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องมีการวางแผนและเตรียมตัวอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การสร้างวินัยทางการเงินที่ดี การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ไปจนถึงการศึกษาและเปรียบเทียบข้อเสนอสินเชื่ออย่างรอบคอบ ซึ่งจะช่วยให้เส้นทางสู่การมีบ้านในฝันเป็นจริงได้อย่างราบรื่น

สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนกู้ซื้อบ้านหรือคอนโด ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่หรือบ้านมือสอง ทีทีบีมีบริการสินเชื่อบ้านใหม่-บ้านมือสอง ที่พร้อมตอบทุกโจทย์ความต้องการ ด้วยจุดเด่นที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น

  • ยืดหยุ่นด้วยระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 35 ปี
  • แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้วยโปรโมชั่น ฟรี! ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ และฟรี! ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยตลอดอายุสัญญา พร้อมทางเลือกดอกเบี้ยฟรีค่าจดจำนอง*
  • รับสิทธิพิเศษเพิ่ม ด้วยดอกเบี้ยเรทพิเศษจากโครงการบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นพันธมิตรธนาคาร
  • มีที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำตลอดกระบวนการและบริการถึงที่

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและเงื่อนไขการสมัครสินเชื่อบ้านใหม่-มือสองจากทีทีบี สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทีทีบี แอปทีทีบี ทัช  หรือสอบถามสินเชื่อบ้านทีทีบีได้ที่เจ้าหน้าที่โครงการหมู่บ้าน-คอนโด

*ธนาคารจะออกค่าธรรมเนียมจดจำนองให้ 1% ของวงเงินอนุมัติสินเชื่อรวมสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท โดยลูกค้าชำระค่าธรรมเนียมจดจำนองก่อนแล้วธนาคารจะโอนค่าธรรมเนียมจดจำนองดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝากของลูกค้าภายในระยะเวลา 30 วัน นับจากวันที่จำนองหลักประกัน

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว: สินเชื่อบ้านใหม่-บ้านมือสอง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4%-7% ต่อปี • สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR-1.430% ถึง MRR-0.530% ต่อปี • โดยอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 15 ส.ค. 68 = 7.305% ต่อปี • อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ • เงื่อนไขการสมัครและอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกําหนด • รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.ttbbank.com


ภาพประกอบ :  Content 1

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ