ดร.วิจักษ์ พงษ์เภตรา นายกสมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้าง เปิดเผยว่า สมาคมฯขอแสดงความชื่นชมต่อความก้าวหน้าในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม พ.ศ. …. ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ภายใต้การนำของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยเร็ว
ดร.วิจักษ์ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ถือเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของการใช้ที่ดินของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพและเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของกฎหมายนี้
“พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ใช้มาแล้วกว่า 50 ปี สภาพปัญหาในพื้นที่จริงเปลี่ยนแปลงไปมาก การใช้ประโยชน์ที่ดินของ ส.ป.ก. หลายแห่งไม่สามารถทำเกษตรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การยกร่างใหม่จึงเป็นเรื่องจำเป็นและเร่งด่วน ที่สามารถใช้ที่ดิน สปก. ในกิจการได้หลายปกระเภท ซึ่งจะส่งผลในการมีกิจกรรมธุรกิจเพิ่มในชุมชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้” — ดร.วิจักษ์ กล่าว
สมาคมฯ ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา และเห็นด้วยอย่างยิ่งต่อหลักการสำคัญในร่างกฎหมายฉบับนี้ อาทิ
สมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้าง มองว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะช่วยสร้าง “สมดุล” ระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ กับการคุ้มครองสิทธิและคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของการใช้ที่ดินอย่างเป็นธรรม ยั่งยืน และยืดหยุ่นต่อสภาพความเป็นจริง
ดร.วิจักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ฯ อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อ บรรจุเข้าสู่วาระของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว หากคณะรัฐมนตรีเร่งให้ความเห็นชอบและส่งเข้าสู่สภาโดยเร็ว จะเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันให้กฎหมายนี้มีผลใช้บังคับได้ทันภายในวาระรัฐบาลชุดปัจจุบันที่เหลือเวลาไม่ถึง 2 ปี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้ง
“นี่คือกฎหมายที่รอคอย เป็นโอกาสแห่งการเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบายที่สำคัญที่สุดฉบับหนึ่งในการบริหารจัดการที่ดินของประเทศ สมาคมฯขอเชิญชวนทุกฝ่ายร่วมกันสนับสนุนให้ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาอย่างรอบด้าน เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนโดยแท้จริง” — นายกสมาคมฯ กล่าวสรุป