Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ค่าแรง 300 ยังตกหล่น!!
ค่าแรง 300 ยังตกหล่น!!
วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556
Tweet
ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบัน วิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการติดตามผลกระทบนโยบายค่าแรงวันละ 300 บาท โดยเปรียบเทียบข้อมูลจากปี 2554 และ 2555 รายไตรมาส มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนนายจ้าง การจ้างงาน และค่าจ้าง สะท้อนการปรับตัวของ ผู้ประกอบการและการมีงานทำของแรงงาน รวมถึงอัตราค่าจ้างที่ได้รับ โดยพบว่า ในส่วนจำนวนสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ปี 2553 ซึ่งหยุดกิจการไปจำนวนมากนั้น ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 ได้กลับมาฟื้นกิจการใหม่ โดยมีจำนวนนายจ้างเพิ่มกลับขึ้นมาอยู่ในระดับเกือบ 1.05 ล้านราย มีเพียง 1 หมื่น รายที่ล้มหายไป และในช่วงเดียวกันนี้ได้มีการประกาศใช้นโยบายค่าแรงวันละ 300 บาทและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ผลไตรมาส 3 พบว่า มีจำนวนนายจ้างลดลงเหลือราว 9.3 แสนราย หายไปราว 1.1 แสนราย กระจายอยู่ในสถานประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีขนาด 1-9 คน โดยปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถฟื้นตัวได้ คือ ผลกระทบจากน้ำท่วม และการขึ้นค่าจ้าง 300 บาท ในระยะเวลาต่อเนื่องกันทำให้กิจการขนาดเล็กกระทบกระเทือนมาก
สำหรับผลกระทบต่อลูกจ้างในส่วนของจำนวนผู้ว่างงานและภาวะการมีงานทำ พบว่า เมื่อมีการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาทรอบแรก ส่งผลมีอัตราการว่างงานขยับขึ้น เล็กน้อย จาก 0.6 เป็น 0.8 เปอร์เซ็นต์ นายจ้างชะลอการรับคนงานใหม่ โดยผู้ได้รับ ผลกระทบคือแรงงานใหม่ไม่มีประสบการณ์และแรงงานระดับล่าง ความรู้น้อย แต่ใน ไตรมาส 3 พบว่า อัตราการว่างงานดีขึ้นโดยมีอัตราการว่างงานลดลง 12 เปอร์เซ็นต์ โดยภาพรวมแทบไม่เห็นผลกระทบ เนื่องจากมีการปรับตัว และการขึ้นค่าจ้างทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าไปมีการดูดซับแรงงานเข้าไปในส่วนทดแทนแรงงานที่ขาดแคลนตึงตัวอยู่แล้ว ขณะเดียวกันในประเด็นค่าจ้าง แม้จะมีผลดีที่แรงงานกลุ่มใหญ่ จะได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท แต่ในทางกลับกันผลทางลบคือในระหว่างการปรับตัวยังมีลูกจ้างจำนวนมากเกือบ 5 ล้านคนจากการปรับค่าจ้างทั้งสองรอบที่ยังได้ค่าจ้าง ต่ำกว่า 300 บาท โดยเฉพาะในกลุ่มลูกจ้างเอกชน ซึ่งไม่มีศักยภาพเพียงพอจะจ่ายได้
ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า นโยบายค่าจ้างวันละ 300 บาททั่วไทยนั้น สามารถทำได้ ในเชิงนโยบาย แต่ต้องดูแลผลกระทบ โดยเฉพาะที่ชัดเจนตอนนี้คือส่งผลกระทบให้กับผู้ประกอบกิจการขนาดเล็กที่มีลูกจ้าง 1-9 คน ที่ต้องอยู่ในภาวะสูญเสียคนงานให้กับสถานประกอบการที่ใหญ่กว่า ซึ่งสามารถจ่ายค่าจ้างที่สูงกว่าได้ส่งผลให้คนงาน ในกลุ่มกิจการขนาดเล็กที่มีอยู่ประมาณ 5.8 ล้านคน เหลือเพียง 5.5 ล้านคน หายไปเกือบ 3 แสนคน ยิ่งทำให้ขาดแคลนแรงงานตึงตัวมากขึ้น และนายจ้างส่วนหนึ่งที่อยู่ไม่รอดก็ต้องผันตัวเองกลับไปเป็นลูกจ้างในกิจการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะนายจ้าง ในกลุ่มธุรกิจที่มีลูกจ้าง 6-9 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำไรจากผลประกอบการต่ำอยู่แล้วไม่มีความสามารถในการจ่ายจึงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เช่น กลุ่มทำสินค้าโอท็อป สินค้าชุมชน และผู้ประกอบการภาคบริการ ซึ่งน่าเป็นห่วงโดยอาจจะมีวิธีแก้โดยให้หันมาธุรกิจครอบครัวทดแทน
"ผลกระทบที่น่าเป็นห่วงคือจะทำให้การสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ทำได้ยากขึ้น ธุรกิจขนาดเล็กเกิดยากและอยู่รอดได้ยาก จากผู้ประกอบหรือนายจ้างจะกลายเป็นลูกจ้างของธุรกิจที่มีขนาดใหญ่สูญเสียความมั่นใจในการสร้างฐานะซึ่งสวนทางกับการสร้างผู้ประกอบการใหม่ จึงควรดูแลเป็นพิเศษ"
ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลือภาครัฐจึงควรเพิ่มช่องทาง ให้นายจ้างสามารถแจ้งความเดือดร้อนได้สะดวกมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการกลุ่มนี้ จะกระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานภาครัฐกระจายอยู่ทั่วพื้นที่พร้อม ให้คำแนะนำในการปรับตัว โดยอาจจะใช้เครือข่ายชมรม เอสเอ็มอี มหาวิทยาลัยซึ่งรัฐเคยให้การอบรมเพื่อตั้งศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ โดยบางรายอาจจะเข้าไปช่วยเหลือ ด้านการจัดทำระบบการบริหารจัดการภายใน เทคนิคการบริหารต้นทุนหรือของเสีย ช่วยเหลือด้านช่องทางการตลาดและเทคโนโลยี เงินอุดหนุน แม้กระทั่งการฝึกอบรม ปรับเปลี่ยนอาชีพ และชี้แนะช่องทางอาชีพใหม่ๆ หากจำเป็นรวมถึงความร่วมมืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่สนับสนุนกิจการขนาดเล็กในเรื่องการบริหารจัดการ ในลักษณะ B to B (Business to Business) หรือการบริหาร แบบ LEAN เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ