จากเด็กวัด..สู่รองประมุขเสาชิงช้า "จุมพล สำเภาพล" (1)

วันจันทร์ที่ 03 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จากเด็กวัด..สู่รองประมุขเสาชิงช้า


"พระ ณ สยาม" ยังคงความเข้มข้นเพื่อ ให้ผู้อ่านได้เพลิดเพลินบันเทิงใจ ขณะเดียวกันก็ยังแฝงด้วยสาระแห่งธรรมจากมุมมองดีๆ ของบุคคลสำคัญที่สลับหมุนเวียนกันมาถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะในยามนี้ยามที่สังคมไทยแตกแยก การเมือง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เชื่อว่ายังมีคนไทยอีกนับไม่ถ้วนกำลังโหยหา ทางออกของชีวิต หลายคนยังคงสับสน หลายคนได้พบทางสว่างหนทางแห่งชีวิต ฉะนั้นเราจึงหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าสาระ แห่งธรรมที่เราได้นำเสนอจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ใครต่อใครอีกหลายๆ คนได้นำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อวันหน้าประเทศ ไทยจะได้ความสงบกลับคืนสู่สังคมเหมือนเช่นในอดีต
ฉบับนี้เราได้รับเกียรติอีกครั้งจากผู้ชายคนนี้ ผู้ที่ถูกยกย่องจาก "คุณชายหมู" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าเป็นคลังแห่งความรู้ คลังแห่งประสบการณ์ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนงานของกรุงเทพมหานคร (กทม.) จากชีวิตในการรับราชการมาเกือบ 40 ปี ไต่เต้าจากข้าราชการตัวเล็กๆ กระทั่งตำแหน่งท้ายสุดก่อนโบกมือลาจากชีวิตราชการในวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เขาก็คืออดีตรองปลัดกทม. ที่พลิกผันชีวิตครั้งสำคัญในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และนี่คือ จุมพล สำเภาพล บุคคลสำคัญที่ได้ให้เกียรติ "พระ ณ สยาม" ในการถ่ายทอดเรื่องราวแห่งธรรมและประสบการณ์ครั้งสำคัญ
แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องราวครั้งสำคัญดังที่ได้กล่าวไว้ เราไปตรวจสอบประวัติชีวิตรองผู้ว่าฯกทม.หมาดๆ รายนี้กันสักนิด "จุมพล" เป็นคนใต้โดยกำเนิด เกิดที่อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เขาเคยเล่าว่าตนเองต้องย้ายถิ่นฐานตามพ่อแม่ซึ่งรับราชการครูไปอยู่ที่ อ.ลานสกา โดยตนเองในฐานะพี่ชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมด 8 คน ต้องคอยช่วยเหลือพ่อแม่ในการดูแลน้องๆ และผลจากการที่มีพ่อแม่เป็นครูทำให้ผลการเรียนของตนเองอยู่ในอันดับท็อปตลอด กระทั่ง เมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 7 (ป.7) จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯด้วยรถไฟเพียงคนเดียวเพื่อมาศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมฯ
เขาเล่าว่าการใช้ชีวิต ณ ขณะนั้นต้องอาศัยวัดราชาธิวาสเป็นที่พักพิงทั้งเรียนหนังสือและหลับนอน โดยอยู่กับน้าชาย ซึ่งเรียนอยู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กระทั่งจบม.ศ.3 จึงไปเรียนต่อที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร และเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา
และจากการเป็นเด็กวัดมาก่อนนั่นเอง คือประเด็นสำคัญที่เรากำลังนำผู้อ่านไปสัมผัสกับเรื่องราวของผู้ชายคนนี้ ซึ่งเขาบอกกับเราว่าส่วน ตัวแล้วพอมีบ้างสำหรับพระเครื่องแต่ไม่ถึงกับเป็นนักสะสม แม้จะโตมาจากวัด เพราะเข้ามากรุงเทพฯได้พักอาศัยอยู่ที่ "วัดราชาธิวาส" ตั้งแต่ปี 2508 กระทั่งเรียนจบปริญญาตรี
ผมชอบทำบุญที่วัดและโรงเรียนเหตุผลก็เพราะเติบโตมาจากวัด เป็นเด็กวัดฉะนั้นจึงมีความคิดว่าเราต้องชดใช้ ถึงแม้จะไม่มากนัก แต่ผม ไม่เคยขัดข้อง สิ่งใดที่วัดขาดแคลนก็จะเข้าไปช่วยเหลือ ในแต่ละปีจะเป็นประธานทอดกฐิน บางปีไปกัน 6-7 วัดก็มี โดยปกติในแต่ละปีก็จะทอดประมาณ 2-3 วัดเรียกว่าไปทุกจังหวัด ทั้งภาคอีสาน เหนือ โดยเฉพาะกับภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจะต้อง ไปทำทุกปี
แต่ละครั้งที่ไปทำบุญก็จะมีประชาชนจำนวนมากเข้า มาร่วมทำบุญด้วย เพราะการทำบุญใหญ่อย่างนี้จะต้องแจกบุญให้กับทุกคน ให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งผมได้ปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้มาตลอดและคงจะทำต่อไป นอกจากนี้ก็จะเน้นในเรื่องการให้ความช่วยเหลือวัดและโรงเรียนที่ประสบปัญหาการขาดแคลนมากกว่า วัดหรือโรงเรียนที่มีทุกสิ่งพร้อมสรรพ เรียกว่าแค่การออกตัวมาก็ทำให้เราอดอนุโมทนาในบุญที่ท่านรองฯจุมพลได้มีดำริและปฏิบัติตนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามต่อถึงมงคลวัตถุหรือพระเครื่อง ที่ใช้เป็นประจำ เรื่องนี้ รองฯจุมพลบอกกับเราว่าก็พอมีบ้าง ที่ใช้ติดตัว ซึ่งมีด้วยกัน 3 องค์ ได้แก่ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย, หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ และ พระวัดปากน้ำ รุ่น 1 แต่ละองค์ที่ถูกเรียกขานขึ้นมามีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วการคล้องพระที่ผ่านมาเจอประสบการณ์อะไรบ้าง อดใจไว้รอในตอนหน้ารับประกัน ว่าไม่ผิดหวัง แล้วเจอกันในตอนหน้า


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ