นำร่องโครงการ "ปล่อยปลาฉลามกลับบ้าน" หวังอนุรักษ์และเพิ่มจำนวนปลาฉลามในระบบนิเวศให้มากขึ้น

วันพุธที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2556

นำร่องโครงการ


ปัจจุบันประชากรปลาฉลามทั่วโลกมีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะถูกคุกคามจากการถูกไล่ล่า เพื่อนำมาป้อนสู่ตลาดการค้าตามความต้องการของผู้บริโภค ในส่วนของประเทศไทยถึงแม้ว่าปลาฉลามจะไม่ใช่เป้าหมายหลักในการทำประมง แต่ก็ถูกจัดให้เป็นสัตว์น้ำพลอยจับได้ จึงส่งผลกระทบต่อจำนวนปลาฉลามในธรรมชาติให้มีจำนวนลดน้อยลงเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์และเพิ่ม จำนวนปลาฉลามในธรรมชาติให้เกิดความ ยั่งยืนมากขึ้น กรมประมง จึงร่วมกับหน่วย บัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ มหาวิทยาลัย บูรพา และมูลนิธิรักษ์สัตว์ป่า จัดทำโครงการ "ปล่อยปลาฉลามกลับบ้าน" ขึ้น
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสตร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากการที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้จัดทำแผนปฏิบัติการสากลเพื่อการอนุรักษ์และการบริหารจัดการปลาฉลามขึ้น และผลักดันให้ประเทศสมาชิกจัดทำแผนปฏิบัติการสากล เพื่อการอนุรักษ์ และบริหารจัดการปลาฉลามในระดับชาติ นำมาสู่ความร่วมมือระหว่างประเทศ ตลอด จนการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากร ปลาฉลามอย่างมีประสิทธิภาพ
จากการประชุมไซเตสในรอบที่ผ่านมา ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีข้อมูลว่า ปลาฉลามบางชนิดที่พบในประเทศไทย ได้ถูกขึ้นบัญชีอนุรักษ์ปลาฉลามแล้ว อาทิเช่น ปลาฉลามวาฬ ปลาฉลามหัวค้อน ใหญ่ ปลาฉลามหัวค้อนสีน้ำเงิน ปลาฉลาม หัวค้อน ปลาฉลามครีบยาว และปลาฉลาม คาดการณ์ว่าในอนาคตจะต้องมีการผลักดันให้มีการขึ้นบัญชีชนิดปลาฉลามเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ด้าน ดร.วิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมประมง ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นต่อการอนุรักษ์ปลาฉลาม จึงได้มีการศึกษาความหลากหลายการประมงชีววิทยา เพื่อดำเนินแผน การจัดการทรัพยากรปลาฉลามในประเทศไทย และดำเนินโครงการปล่อยปลาฉลามคืนสู่ทะเลไทย โดยในครั้งนี้ได้คัดเลือกปลาฉลามทราย (Chiloscyllium punctatum) และปลาฉลามกบ (C.hasselti) จำนวน 99 ตัว ในการปล่อยกลับคืนสู่ธรรม ชาติ ซึ่งจุดที่ปล่อยนี้เป็นพื้นที่อนุรักษ์อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือ จึงมั่นใจได้ว่า ปลาฉลามที่ปล่อยไป จะเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์ต่อไปได้ ประกอบกับปลาฉลาม สายพันธุ์ดังกล่าว มีนิสัยไม่ก้าวร้าว มีการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์โดยใช้พ่อแม่พันธุ์จากอ่าวไทย มีพฤติกรรมที่ว่ายน้ำวนอยู่กับที่ ไม่เดินทางไกล และหากินสัตว์น้ำขนาดเล็ก จึงเหมาะสมต่อการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์และเพิ่มจำนวนปลาฉลามในระบบ นิเวศให้มากขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และความหลากหลายทางพันธุกรรมของปลาฉลามในบริเวณนี้
"ประเทศที่มีการทำการประมงปลาฉลามจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมีการอนุรักษ์ควบ คู่กันไปด้วย แม้ประเทศไทยเราจะไม่ใช่ประเทศที่ทำการประมงปลาฉลามโดยตรง แต่ว่าเป็นผลพลอยได้จากการจับโดยเรือประมง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศ ในเขตร้อน ปลาจึงอยู่รวมกันหลายชนิด เวลาทำประมงปลาฉลามอาจจะติดขึ้นมาบ้าง ประกอบกับธรรมชาติของปลาฉลาม จะออกลูกเป็นตัว เติบโตช้า และใช้เวลาตั้งท้องนาน เมื่อมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ จึง อาจส่งผลให้สูญพันธุ์ได้ ดังนั้น การจัดทำโครงการดังกล่าว จึงแสดงให้เห็นว่าเรามีความมุ่งมั่นในการที่จะอนุรักษ์ปลาฉลามให้อยู่คู่ท้องทะเลไทยตลอดไป" อธิบดีกรมประมง กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรมประมงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมดังกล่าวจะช่วย สร้างความตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญ และประโยชน์ของปลาฉลามต่อ ระบบนิเวศทางทะเลให้กับประชาชน เพื่อก่อให้เกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ปลาฉลามมากขึ้น


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ