หมอดินรุกแก้ปัญหาดินเค็มกาฬสินธุ์ ต่อยอดความสำเร็จจากเมืองเพียโมเดล

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หมอดินรุกแก้ปัญหาดินเค็มกาฬสินธุ์ ต่อยอดความสำเร็จจากเมืองเพียโมเดล


หลังจากที่สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 กรมพัฒนาที่ดินประสบผลสำเร็จในการ ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ดินเค็มทุ่งเมืองเพีย ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอน-แก่น และกำหนดให้เมืองเพียเป็นโมเดลในการแก้ปัญหาดินเค็มในภาคตะวันออก-เฉียงเหนือไปแล้วนั้น ทำให้กรมพัฒนา ที่ดินขยายพื้นที่ในการแก้ปัญหาดินเค็มในภาคอีสาน ไปยังพื้นที่อื่นเป็นวงกว้างมากขึ้น ล่าสุดได้ร่วมกับทุกภาคส่วนในท้องถิ่นของ จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่จัดเวทีเสวนาหัวข้อ "แนวทางการฟื้นฟูดินเค็มจังหวัดกาฬสินธุ์" ณ หนองทึง ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อให้เกษตรกร ที่มีพื้นที่ประสบปัญหาดินเค็มมีความรู้ความเข้าใจในการจัดการดินเค็มในพื้นที่ของ ตนเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม จนสามารถนำความรู้ไปปรับปรุงพื้นที่ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน
นายอนุสรณ์ จันทนโรจน์ รองอธิบดี กรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า กรมพัฒนาที่ดินสามารถแก้ปัญหาดินเค็มได้ และประสบผล สำเร็จที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนที่ทุ่งเมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ดินเค็มจัดอีกแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ฉะนั้นกรมพัฒนาที่ดินก็พร้อมที่จะลงมือแก้ปัญหาดินเค็มในพื้นที่อื่น รวมถึงที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ด้วย พื้นที่ในภาคอีสาน 17-18 ล้านไร่ กรมพัฒนาที่ดินมีแนว ทางแก้ปัญหาดินเค็มแบบบูรณาการ โดยจะ เร่งฟื้นฟูพื้นที่ดินเค็มด้วยการจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ และปลูกไม้ยืนต้นเศรษฐกิจ บนคันนา ควบคุมระดับน้ำใต้ดินเค็มทั้งผิวดิน และใต้ดิน มีการปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็วบนคันนา เช่น ยูคาลิปตัส โสนแอฟริกัน ซึ่งเป็น พืชที่ใช้น้ำมาก สามารถช่วยควบคุมปริมาณ น้ำเค็มไม่ให้กระจายขึ้นมาบนดิน ปรับรูปแปลงนา วางระบบระบายน้ำและควบคุมน้ำ ใต้ดินเค็ม เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ดินเค็มและป้องกันการแพร่กระจายดินเค็ม โดยใช้วิธีการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนและลงทุนน้อย และเพื่อพัฒนาการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ดินเค็มให้มีศักยภาพ สามารถปลูกพืชเพื่อรักษาสภาพแวดล้อม เพิ่มผลผลิตพืชเพื่อการบริโภคและผลิตเป็นพืชเศรษฐกิจ
รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวเพิ่ม เติมว่า ขอเพียงให้เกษตรกรที่ประสบปัญหา ดินเค็มให้ความร่วมมือ ทางกรมพร้อมที่จะดำเนิน เนื่องจากการแก้ปัญหาดินเค็ม แม้จะมีแนวทางตามหลักวิชาการ แต่ต้องได้รับ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในท้องถิ่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น จังหวัด อำเภอ องค์กรบริหาร ส่วนท้องถิ่น และเกษตรกร เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ประสบ ปัญหาโดยตรง
นางปราณี สีหบัณฑ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวางระบบการพัฒนาที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 กล่าวว่า การแก้ปัญหาดินเค็มในภาคอีสานต้องคำนึงถึงเกษตรกรเป็นหลัก หากเกษตรกรไม่ให้ความร่วมมือยากจะสำเร็จได้ เพราะการดำเนินการต้องเป็น ไปตามที่เกษตรกรต้องการ ไม่ใช่ตามที่นักวิชาการต้องการ อย่างกรณีที่เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ ส่วนหนึ่งเกษตรกรก็ให้ความร่วมมือ ขณะเดียวกันเกษตรกร บางส่วนก็ไม่ต้องการให้กรมพัฒนาที่ดินไปแก้ปัญหาดินเค็ม เพราะคิดว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ชาวบ้านกลับต้องการตลาดผ้าไหม ทอ ฉะนั้น การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเกษตรกรต้องให้ความร่วมมือนั่นเอง
นางนงนุช ศรีพุ่ม ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาดินเค็มกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในพื้นที่ อ.ยางตลาด ประสบปัญหาดินเค็ม และกำลังจะขยายไปยังพื้นที่อื่น ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาในการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา เกษตรกรทำนาได้ผลผลิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งช่วงที่ผ่านมาจึงมีการแนะนำให้เกษตรกรหันมาปลูกหญ้าแฝก ปลูกไม้ยืนต้นไม้ผลบ้างเพื่อให้รายได้เสริมด้วย การเดินหน้าแก้ปัญหาดินเค็มในภาคอีสานของกรมพัฒนาที่ดิน นับเป็นอีกหนึ่งความหวังของเกษตรกรที่จะนำดินมาทำการเกษตรได้ เชื่อว่าถ้าทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือแก้ดินเค็ม 11.5 ล้านไร่ ที่ดินเหล่านี้ จะเป็นแหล่งผลิตอาหารอย่างยั่งยืนในอนาคตได้


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ