นายเพิก เลิศวังพง ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) เปิดเผยว่า สถาน การณ์ยางตอนนี้ชาวสวนยางเปลี่ยนวิธีการผลิตน้ำยางสด ยางแผ่นดิบมาเป็นยางข้นถ้วย หรือคัพลัมกันเป็นจำนวนมากขึ้นตามลำดับมีกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยเฉพาะภาคอีสาน ภาคตะวันออก และที่ภาคใต้ 3 จังหวัดชายแดน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส
"ตอนนี้ชาวสวนยางทำยางข้นถ้วยขาย ทางโรงงานอุตสาหกรรมนำไปผลิตเป็นยางแท่ง เอสทีอาร์ 20 โดยยางแท่งต้นทุนการผลิตต่ำกว่ายางรมควัน ตอนนี้ทุกบริษัทต่างมีเครื่องจักรผลิตยางแท่ง ยางแท่งจะมีส่วนต่างราคาที่ดีกว่าตัวยางอื่นๆ" นายเพิก กล่าว
ขณะที่นักวิชาการยาง เปิดเผยว่า ยางข้นถ้วย หรือคัพลัม หรือเศษยาง ราคาประมาณ 30 บาท/กก. ราคาห่างจากน้ำยางสดมาก (70 บาท/กก. ราคาท้องถิ่น) ซึ่งยางข้นถ้วยจะนำไปผลิตเป็นยางเอสทีอาร์ 20 และ 10 ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้เป็นระยะเวลานานก่อนที่จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ โดยยางข้นถ้วยนำไปแปรรูปเป็นยางเอสทีอาร์ ค่าแปรรูปค่าบริหารจัดการ รวมทั้งต้นทุนการผลิต ประมาณ 55 บาท แต่ออกขายได้ราคาที่ดี มีส่วนต่างค่าการตลาดที่ประมาณ 20 บาท/กก. ซึ่งมีกำไรกว่ายางทุกตัว ตอนนี้โรงงานอุตสาหกรรม จึงนิยมซื้อยางข้นถ้วยโดยหันมาผลิตยางแท่ง
สำหรับภาคใต้ มีการผลิตกันมากใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางพื้นที่ของจังหวัดสงขลา ประมาณ 6 ล้านไร่ ส่วนตัวเลขไม่สามารถเก็บได้ เพราะเงื่อนไขความไม่สงบ เนื่องจากกรีดไม่เป็นเวลา เก็บเกี่ยวไม่เป็นเวลา ซึ่งปัญหานี้รัฐต้องลงไปดูแล โดยการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมผลิตยางเอสทีอาร์ จะทำให้ชาวสวนยางมีโอกาสเท่ากับกลุ่มสวนยางอื่นๆ เขาสูญเสียโอกาสตรงนี้เป็นระยะเวลายาวนานแล้ว และเป็นเงินมหาศาล