กรมประมงแนะเลือกลูกกุ้งคุณภาพ ป้องกันกุ้งตายด่วน (1)

วันพุธที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กรมประมงแนะเลือกลูกกุ้งคุณภาพ ป้องกันกุ้งตายด่วน (1)


นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้บริโภคกุ้งสดถึงกับต้องร้องโอ้กกันเลยทีเดียว เพราะราคาซื้อกุ้งสดจากตลาดสด ทุกชนิดขยับราคาสูงขึ้นจากเดิม ทำเอาผู้บริโภคสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะราคาขึ้นจากเดิมมากกว่าหนึ่งร้อยบาท ส่วนเกษตรกรผู้ทำฟาร์มกุ้ง ใช่ว่าจะมีรายได้สูงขึ้น ตามราคาขายที่แผงตลาดสด ไปด้วยทุกราย และสาเหตุหลักที่ทำให้กุ้งสดมีราคาสูงขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะ ฟาร์มเลี้ยงกุ้งหลายๆ พื้นที่ ประสบปัญหา เป็นโรคกุ้งตายด่วน หรือที่พี่น้องเกษตรกร ผู้เลี้ยงกุ้งเรียกว่าโรคอีเอ็มเอส ส่งผลให้ปริมาณกุ้งไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคทำให้กุ้งมีราคาสูงมากขึ้น
ปัญหาโรคกุ้งตายด่วนนี้ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งหลายรายพากันขวัญผวาเลยทีเดียว เพราะหากกุ้งในบ่อเลี้ยงเป็น โรคนี้แล้วในเวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมงกุ้งจะตาย หมดบ่อ นั่นหมายถึงเกษตรกรเจ้าของบ่อเลี้ยงกุ้งนั้นต้องขาดทุนทันที และจากปัญหา ดังกล่าวนี้ กรมประมงมิได้นิ่งนอนใจโดย ดร.วิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง พร้อมกับผู้บริหารระดับสูงและนักวิชาการ ได้กระจายลงพื้นที่ตรวจสุขอนามัยโรงอนุบาลลูกกุ้งทะเล และคุณภาพลูกกุ้ง รวมถึงให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการอนุบาลลูกกุ้งที่ดี ตลอดจนตรวจเยี่ยมฟาร์ม เลี้ยงกุ้งในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง และผู้ประกอบการในการผลิตและรักษาระดับการแข่งขันของอุตสาหกรรมกุ้งไทยใน 10 จังหวัดชายทะเล ได้แก่ ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา, ตราด, ระยอง, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, สงขลา, ภูเก็ต, สตูล และพังงา
ทีมข่าวสยามธุรกิจได้เข้าพบกับท่านอธิบดีกรมประมง ขณะที่ท่านได้นำทีมตรวจประเมิน และให้คำแนะนำโรงอนุบาลลูกกุ้ง ดาวทองฟาร์ม และตะวันออกฟาร์ม ในพื้นที่ จังหวัดระยอง ท่านอธิบดีกรมประมงกล่าวว่า "จากสถานการณ์ปัญหาการระบาดของกลุ่มอาการตายด่วน (EMS) หรือ AHPNS (Acute Hepatopancreatic Necrosis Syn-drome ในกุ้งทะเล ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมกุ้งในประเทศไทย อย่างมาก กรมประมงได้เร่งเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมปัญหาดังกล่าว โดยได้มีการ จัดตั้งทีมขึ้นเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาทุกระยะอย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินมาตรการ ต่างๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการ ระบาดของอีเอ็มเอสทั้งระบบ ตั้งแต่โรงเพาะฟัก โรงอนุบาล และฟาร์มเลี้ยงกุ้งทะเล ของเกษตรกร เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมกุ้งของไทยให้สามารถยืนหยัดได้ต่อไป"
"ขณะนี้แม้ว่าจะทราบถึงสาเหตุของโรคกุ้งอีเอ็มเอส ว่าเกิดขึ้นเนื่องจากเชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus ที่ถูกโจมตีจากไวรัสแล้วก็ตาม แต่สาเหตุหลักๆ ของโรคเกิดจากลูกกุ้งที่อ่อนแอ และระบบการบริหารจัดการฟาร์มที่ไม่เหมาะสมเท่าที่ควร ดังนั้น หากมีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพ ลูกกุ้ง และวิธีการเลี้ยงในบ่อที่เหมาะสม รักษาสภาพแวดล้อมให้ดี ก็สามารถผ่านการ เลี้ยงจนสามารถจับกุ้งขายได้ ก่อนหน้านี้ผมได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในจังหวัดจันทบุรี พบว่าเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยง ส่วนใหญ่ลงลูกกุ้งที่มีความแข็งแรง และมีการบริหาร จัดการบ่อที่ดี ดังนั้น กรมประมงจึงได้เข้าไป แก้ไขปัญหาทั้งในระดับ โรงเพาะฟัก โรงอนุบาล และบ่อเลี้ยงไปพร้อมๆ กัน"
ถึงตรงนี้ทีมข่าวเกษตรสยามธุรกิจได้ถามท่านอธิบดีกรมประมงไปว่า ถึงเวลานี้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเข้าใจและแก้ไขปัญหาโรคกุ้งอีเอ็มเอสกันมากน้อยเพียงใด ดร.วิมล ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวว่า "ปัจจุบัน เกษตรกรเข้าใจสถานการณ์และปรับปรุงระบบการผลิต ทั้งในด้านคุณภาพลูกกุ้ง และวิธีการเลี้ยงต่างๆ เพื่อให้สามารถเลี้ยง กุ้งผ่านวิกฤติกุ้งตายด่วนได้ ทำให้มั่นใจได้ว่า ด้วยวิธีการต่างๆ ที่กรมประมงและเกษตรกร ร่วมมือกัน ทำให้สถานการณ์การเกิดโรค EMS คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น แนวทางการคัดเลือกลูกกุ้งที่แข็งแรงจากการทดสอบ stress test หรือการใช้ลูกกุ้งที่มีขนาดใหญ่ ขึ้นร่วมกับการบริหารจัดการบ่อ และการเลี้ยงอย่างดูแลเอาใจใส่ เช่น การปล่อยกุ้งในอัตราที่เหมาะสม การให้อาหารที่พอดี และ หมั่นตรวจอาหารที่เหลือ ประกอบกับควบคุม คุณภาพน้ำและพื้นบ่อให้สะอาด จะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง สามารถเลี้ยงกุ้งโดยไม่ต้องเผชิญกับโรคกุ้งตายด่วน"
น่าเสียดายต้องจบลงเท่านี้เพราะพื้นที่มีจำกัด อย่างไรก็ตาม ติดตามอ่านต่อ ฉบับหน้าขอรับรองว่ายังคงเข้มข้นเหมือน เช่นเดิมแน่นอน แล้วพบกันใหม่...
คำแนะนำในการจัดการเลี้ยงที่ดีสำหรับโรงอนุบาลลูกกุ้ง การเตรียมบ่อ และเตรียมน้ำ
1.ต้องทำความสะอาดบ่อให้สะอาดก่อนและหลังการใช้งาน โดยใช้น้ำยาล้างจานทำความสะอาดคราบสารอินทรีย์ที่เกาะติดกับผนังด้านในของบ่อ แล้วล้างด้วยน้ำจืดหลายๆ ครั้งจนสะอาด หรือใช้ร่วมกับเครื่องฉีดน้ำร้อน แรงดันสูงช่วยในการทำความ สะอาดให้ถึงบริเวณซอกหลืบของบ่อ ตากให้แห้งเป็นเวลา 2-3 วัน แล้วปิดบ่อให้มิดชิดด้วยผ้าใบหรือกระเบื้อง ก่อนใช้งานทุกครั้งต้องล้างบ่อด้วยน้ำจืดที่สะอาด
2.ควรใช้น้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วโดยมี 3 แนวทาง คือ
- ด้วยคลอรีน ความเข้มข้นประมาณ 25 ส่วนในล้านส่วน (ppm) กรณีน้ำมีตะกอนมากอาจใช้คลอรีนความเข้มข้นประมาณ 50 ส่วนในล้านส่วน แล้วให้อากาศ 12 ชั่วโมง
- ด้วยโอโซน ใช้เครื่องผลิตโอโซนผลิตแก๊สโอโซนใส่เข้าไปในระบบปั๊มลมที่ให้ อากาศในบ่อพักน้ำ ซึ่งหลังจากฆ่าเชื้อแล้วต้องทิ้งน้ำไว้ 2-3 วัน เพื่อให้โอโซนสลายตัว และมีการให้อากาศเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ
- ด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) โดยให้น้ำไหลเป็นฟิล์มบางๆ ผ่านเครื่องผลิตรังสีอย่างช้าๆ เพื่อให้รังสีอัลตราไวโอเลตทำงานได้ดีในการฆ่าเชื้อโรค
3.น้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้วต้องไม่มีตะกอน โดยเน้นการกรองน้ำหลายๆ ครั้ง และเตรียมน้ำพร้อมใช้อย่างเพียงพอต่อการอนุบาลในแต่ละรอบการผลิต
4.บ่อเก็บน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วและบ่ออนุบาลควรอยู่ภายในโรงอนุบาลเดียวกัน เพื่อรักษาสภาพแวดล้อม ไม่สร้างความเครียดต่อลูกกุ้งระหว่างเปลี่ยนถ่ายน้ำ


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ