สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก

แม้ผู้นำม็อบอย่างคุณ สุเทพ เทือกสุบรรณ จะพร่ำพูดตลอดเวลาว่า การชุมนุมที่สามารถเรียกฝูงชนมาได้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทยได้ว่าเป็นการชุมนุมที่สงบ สันติ อหิงสา

จนนักวิชาการจากค่ายนิด้าบางคนถึงกับยกย่องว่า คุณสุเทพเปรียบเสมือน "คานธีแห่งเมืองไทย"

ซึ่งใครอยากจะชื่นชมขนาดนั้นก็ขอเชิญเชียร์ไปเถอะ แต่ผมเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ติดตามการเมืองมายาวนานเกือบ 40 ปี ก่อนที่คุณสุเทพจะลงเล่นการเมืองเสียอีก ย่อมจะพอรู้ตื้นลึกหนาบางของนักการเมืองบางคนได้พอสมควร

ส่วนตัวผมเอง ยังไม่อาจสดุดีให้ใครในเมืองไทยเป็น "คานธีแห่งเมืองไทย" ได้แม้แต่คนเดียว

เนื่องเพราะมหาบุรุษ มหาตมะ คานธี ต้นฉบับนักต่อสู้ด้วยวิธี อหิงสา ที่แท้จริง ท่านไม่ได้ต่างจากนักบวชผู้ทรงศีลในคราบปุถุชนแม้แต่น้อย คานธีที่เป็นต้นฉบับบริสุทธิ์จากอินเดียนั้น ไม่เคยมีประวัติส่วนตัวด่างพร้อยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นวัตรแห่งการครองตน ครองชีวิตครอบครัว การมีหนี้สิน หรือเริ่มสุขสบายเมื่อ ยกระดับมาเป็นนักการเมืองโดยไม่มีอาชีพมาก่อนก็ไม่เคยปรากฏบันทึก

ชีวิตคานธีไม่เคยกะล่อนปล้อนปลิ้น ไม่เคยใช้ชั้นเชิงทางการเมืองเชือดเฉือนหรือเอาเปรียบนักการเมืองร่วมพรรค- ต่างพรรค หรือ "แบล็กเมล์" รุ่นพี่ หรือเมื่อเป็นใหญ่ได้ตำแหน่งบริหารบ้านเมืองแล้ว ก็เที่ยวมอบที่ดินหลวงไปให้นักธุรกิจที่เป็นพรรคพวก ทั้งๆ ที่กฎหมายระบุชัดว่า ให้นำไปแจกแก่เกษตรกร

เฉพาะเรื่องที่ดินหลวงไปแจกคนรวยเพียงเรื่องเดียวก็มากพอที่จะเป็นประกาศ-นียบัตรติดตัวไปตลอดการเป็นนักการ เมือง ว่า มันคือมลทินที่มัวหมองไม่อาจลบเลือนได้

และชีวิตของคานธี ที่ต่อสู้ด้วยวิธีอหิงสา จนหลอมรวมจิตใจชาวอินเดียให้เป็นจิตวิญญาณทั้งแผ่นดินสามารถเป็นพลังเอาชนะการครองเมืองของนักล่าอาณานิคมอย่างอังกฤษได้อย่างขาวสะอาด

ไม่เคยได้ยินว่า การต่อสู้แบบอหิงสาของคานธี ต้องปลุกระดมให้มวลชนชาวอินเดียบุกเข้าไปยึดสถานที่ราชการต่างๆ (หรืออ้างว่าไปเยี่ยมสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ แต่ เป็นที่รู้กันทั่วโทรทัศน์ช่อง 3 ว่าถึงขนาดส่งคนเข้าไปกุมห้องบังคับการถ่ายทอดสัญญาณ ด้วยซ้ำ)

คานธีไม่มีประวัติไปยุ่งเกี่ยวกับการสร้างโรงพักแล้วปักเสาคาไว้ 369 แห่งจนตำรวจ เดือดร้อนทำงานไม่ได้ทั่วประเทศ

สำคัญยิ่งยวด คานธีไม่มีประวัติเคยบงการฆ่าใคร หรือรู้ว่ามีคนตายมากแล้ว ก็ยังซ้ำเติมความตายให้ประชาชนเพิ่มขึ้นไปอีกเกือบร้อย กระทั่งบาดเจ็บอีกนับพันมาก่อน

คานธีไม่เคยประท้วงรัฐบาลด้วยการไปยึดสถานที่ราชการเป็นเวลายาวนาน จนเกิดความเสียหายในการติดต่อราชการบางหน่วยมากมาย

แต่การประท้วงของมวลชนชาติอื่นกลับทำตรงกันข้ามกับคานธีหมด จนถึงกับไล่ล่าฆ่าล้างผลาญคนชาติเดียวกันอย่างอำมหิต เพียงเพราะเหลิงในอำนาจและความถูกต้องของกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงชีวิตและความตายของประชาชน

ที่เมืองไทยสมัย คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ใช้วิธีการยึดทำเนียบ ยึดสื่อมวลชนและยึดสนามบิน ซึ่งมาถึงยุค สุเทพ เทือกสุบรรณ พยายามเหลือเกินที่จะให้ผู้คนทั้งประเทศเชื่อว่า ม็อบสุเทพเป็นม็อบอหิงสา แต่ก็ ขโมยซีนแป๊ะลิ้มŽ เต็มเปา คือ ยึดกระทรวงการคลัง ยึดศูนย์ราชการ ยึดกองบัญชาการตำรวจนครบาล และยึดล้อมทำเนียบรัฐบาลในที่สุด

นี่ยังไม่รวมกองกำลังรุกรับกับหน่วยปราบจลาจลของตำรวจอีกต่างหาก

นี่หรือคือ บริบทที่แท้จริงของ "คานธีแห่งเมืองไทย"

หรือเป็น อหิงสาจอมปลอม กันแน่?

จนกระทั่งม็อบทิ้งศูนย์ราชการไปแล้วนั่นแหละ ความจริงถึงปรากฏ

หน่วยราชการหลายหน่วยถูกบุกรุกและโจรกรรมทรัพย์สินส่วนตัวของข้าราชการ ที่เก็บไว้ในสำนักงานเหมือนม็อบเสื้อเหลืองของแป๊ะลิ้ม ขโมยทรัพย์สิ่งของของข้าราชการในทำเนียบมาแล้ว

นั่นไม่สำคัญเท่ากับ สำนักงานจเรตำรวจ และสำนักงาน DSI ซึ่งเป็นหัวใจของการเก็บเอกสารหลักฐานสำคัญที่กล่าวหานักการเมืองมากมายหลายคน ถูกค้นเคาะเจาะงัดและรื้อขโมยเอกสารและฮาร์ดดิสค์หายไปหมดสิ้นรวมทั้งทำลายอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท

เสมือนกับว่าม็อบยึดศูนย์ราชการเป็นเวลายาวนานครั้งนี้ มีเป้าหมายซ่อนเร้นเพื่อการใด และเพื่อปิดบังความผิดของใครไปในตัวด้วยหรือไม่

เหล่านี้ย่อมไม่อาจรอดหูรอดตาคนที่เขาสนใจต่อการชุมนุมครั้งนี้ว่า มีอะไรอำพรางอยู่เบื้องหลังบ้าง นอกจากที่คาดได้ไม่ยากว่า แกนนำบางคนฉวยโอกาสสร้างประวัติศาสตร์การเมืองของการชุมนุมใหญ่

เพื่อระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง หรือเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของใครบางคน

เราเคารพและยกย่องชื่นชมพลังอันยิ่งใหญ่ของมวลชนที่บริสุทธิ์ แต่ก็ขอสงวน จริงๆ ครับกับความไม่ชอบมาพากลของแกนนำบางคน?