วลัยลักษณ์ระดมนักวิจัยช่วยปะการัง

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วลัยลักษณ์ระดมนักวิจัยช่วยปะการัง


ระบบนิเวศของปะการังกำลังได้รับ ผลกระทบมากในธรรมชาติ ซึ่งทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงนักวิชาการต้องรีบระดม ความคิดเพื่อช่วยป้องกันและดูแลระบบนิเวศของปะการังกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ศูนย์ ความรู้เฉพาะด้าน Ecoinformatics ม.วลัยลักษณ์ ซึ่งได้จัดประชุมนานาชาติ International Coral and Reef Fish workshop ขึ้นโดยเชิญนักวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศมาร่วมให้ความรู้ เพื่อการศึกษาและดูแลระบบนิเวศของปะการังอย่างยั่งยืน
ทีมข่าวเกษตรสยามธุรกิจก็ได้เก็บเนื้อหาสาระมาฝากให้ผู้อ่านได้รู้กัน โดยเริ่ม จาก "รศ.ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี" อาจารย์ประจำสำนักวิชาวิทยาศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ความรู้เฉพาะด้านนิเวศวิทยาพยากรณ์ และการจัดการ (Center of Excellence for Ecoinformatics) เปิดเผยว่า "เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้าน Ecoinformatics จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการออกแบบและวิเคราะห์ ข้อมูลในการศึกษาปะการังและปลาในแนวปะการัง (International Coral {amp} Reef Fish Workshop) ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจาก สวทช. และได้รับเกียรติจาก Prof. Sally Holbrook, Prof. Russ Schmitt และ Dr.Andrew Brooks จาก University of California Santa Barbara, USA และ ดร.นิพนธ์ พงศ์สุวรรณ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ จากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน (Phuket Marine Bio-logical Center) เป็นวิทยากร โดยได้รับความสนใจจากนักศึกษาระดับปริญญาตรี ม.เกษตรศาสตร์ นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิทยาศาสตร์เชิงคำนวณ ม.วลัยลักษณ์ นักศึกษาระดับปริญญาเอกจาก มหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนีย ซานตาบาบาร่า (University of California Santa Barbara-UCSB) ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเข้าร่วมอบรม"
"รศ.ดร.กฤษณะเดช" กล่าวต่อ ว่า "สืบเนื่องจากทางทีมงานศูนย์ความรู้เฉพาะด้าน Ecoinformatics ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับ Coral sensor network ที่เกาะราชา จ.ภูเก็ต ร่วมกับ CREON (Coral Reef Environmental Observatory Net-work) และ Australia Institute of Marine Science, UCSD, UCSB และ UCSB เห็นว่าถ้าได้มีการเก็บข้อมูลทางชีววิทยาปะการังและปลา ในแนวปะการังร่วมด้วยจะทำให้เข้าใจระบบนิเวศปะการังที่เกาะราชาได้ดียิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการจัดอบรมในครั้งนี้ โดยระบบ coral sensor network เป็นการติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ ความเค็ม และความลึก ณ จุดที่เป็นแนวปะการังที่ระดับความลึก 10 เมตร บริเวณหน้าหาดขอนแคของเกาะราชา เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อาจจะเกิดปะการังฟอกขาว พร้อมติดตั้งกล้องวิดีโอใต้น้ำเพื่อศึกษาปลาในแนวปะการัง และปะการัง เซ็นเซอร์ดังกล่าวจะแสดงผลแบบ real time online ทำให้เราสามารถติดตามข้อมูลอุณหภูมิของน้ำได้ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ ข้อมูลความลึกของน้ำทะเลสามารถนำมาประยุกต์บอกได้ว่าเกิดสึนามิที่เกาะราชา จ.ภูเก็ตหรือไม่ และหากเกิดจะ ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นกี่เมตร ทำให้สามารถเตือนนักท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที"
"สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดอบรม จัดขึ้นเพื่อสร้างนักศึกษาระดับปริญญาโท/เอก และนักวิจัยให้มีพื้นฐานทาง ด้านการออกแบบการทดลอง และการวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านปะการังและปลา ในปะการังการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ระหว่างนักศึกษา ที่มีความสนใจทางด้านปะการังและปลาในแนวปะการังทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนการพัฒนาและแนะนำมาตรฐานการวิจัยทางด้านปะการังและประชากรปลาในแนวปะการังระดับสากล สำหรับการติดตาม การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศปะการังระยะยาว ทำให้สามารถเปรียบเทียบระหว่าง เวลาและระหว่างแนวปะการังจุดอื่นๆ ในประเทศไทยได้ โดยผู้อบรมได้ทำการสำรวจ แนวปะการังบริเวณอ่าวขอนแคและอ่าวปะตก เกาะราชา จังหวัดภูเก็ต ร่วมกันวาง เส้นทรานเซ็กถาวร (permanent line tran-sect) จำนวน 7 เส้น พร้อมทั้งได้ศึกษาชนิด ขนาด และความชุกชุมของปลาในแนวปะการัง อีกทั้งยังได้ถ่ายภาพปะการัง และร่วมกันวิเคราะห์ปริมาณปะการังปกคลุมด้วยโปรแกรม CPCe ด้วย"
"รศ.ดร.กฤษณะเดช" ยังบอกต่ออีกว่า สภาพปะการังไทยในปัจจุบันน่าเป็นห่วง มาก เนื่องจากปะการังเกิดการฟอกขาวอย่างรุนแรงในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2553 ทำให้ปะการังเขากวางที่อ่าวขอนแค เกาะราชาตายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ สาเหตุน่าจะมาจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่เพิ่มสูงเกิน 32 องศาเซลเซียล ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนตระหนักและให้ความสำคัญของปลาในแนวปะการัง ร่วมกันรักษาสมดุลของระบบ นิเวศปะการัง นอกจากนี้ การจับปลาในแนว ปะการังโดยเฉพาะกลุ่มปลากินพืช เช่น ปลานกแก้ว จะทำให้ไม่มีปลาที่คอยกินต้นอ่อนของสาหร่ายที่ขึ้นบนกอปะการัง อีกทั้งปะการังจะได้รับแสงอาทิตย์น้อยลงและถูกสาหร่ายขึ้นปกคลุม ในที่สุดปะการังก็จะตายไป
และ "รศ.ดร.กฤษณะเดช" ได้กล่าว ทิ้งท้าย "ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมาดำน้ำที่เกาะราชาเยอะมาก นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ดีเพียงพอ และขาดทักษะการดำน้ำที่ถูกต้อง หลายครั้งที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เหยียบปะการังทำให้กิ่งปะการังหัก บางคนนำอาหารมาเลี้ยงปลาในแนวปะการัง ทำให้ปลาที่ควรจะกินสาหร่าย ก็ไม่ไปกินสาหร่าย แต่กลับมารอขนมปังที่นักท่องเที่ยวนำมาเลี้ยงมันแทน ส่งผลกระทบต่อสมดุลธรรมชาติของระบบนิเวศปะการัง และจะมีผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ ท่องเที่ยวทางทะเลอย่างแน่นอน"


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ