"เมล็ดพันธุ์ลูกผสม"ผลผลิตสูงตลาดสดใส

วันพฤหัสบดีที่ 06 มิถุนายน พ.ศ. 2556



ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศ ที่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งผลิตอาหารของคนทั้งโลก อีกทั้งในปี 2558 เรากำลังจะก้าวเข้า สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย, พม่า, ลาว, เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา และบรูไน และการทำธุรกิจค้าจะเป็นแบบการค้าเสรี
เมื่อสมาชิกทั้ง 10 ประเทศซึ่งมีสภาวะภูมิอากาศและเปิดการค้าแบบเสรี ประเทศไทยเราจะต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรในเรื่องของพืชพันธุ์ทางการเกษตร ทีมข่าวเกษตรสยามธุรกิจมีโอกาสได้พูดคุยกับ มร.โยส เพเคลฮาริ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชเขตร้อนชื้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสอบถามถึงเรื่อง ดังกล่าว
มร.โยส กล่าวว่า "ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีโอกาสทางการตลาด อีกมากในเรื่องการบริโภคพืชผัก เพราะถึงแม้การบริโภคจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจาก รายได้ประชากรที่เพิ่มมากขึ้น และกระแสผู้บริโภคที่หันมาสนใจเรื่องสุขภาพ แต่ข้อมูล จากองค์การอาหารระหว่างประเทศหรือ FAO ชี้ให้เห็นว่าประชากรในภูมิภาคบริโภค ผักเพียง 50-60 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ในขณะที่ประเทศอย่างกลุ่มยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น มีอัตราการบริโภคผัก 100-200 กิโลกรัมต่อคนต่อปี"
"ในขณะที่พื้นที่เพาะปลูกนั้น อเมริกา เหนือมีพื้นที่เพาะปลูก 9.4 ล้านไร่ ยุโรปมีพื้นที่เพาะปลูก 28 ล้านไร่ จีนมีพื้นที่เพาะปลูก 150 ล้านไร่ ในขณะที่เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีพื้นที่เพาะปลูกถึง 75 ล้านไร่ ข้อมูลนี้มาจากองค์การอาหารระหว่างประเทศปี 2012 จากตัวเลขนี้หมายความว่า ประชาคมอาเซียนรวมทั้งประเทศไทยมีโอกาสอีกมากในเรื่องการผลิตเมล็ดพันธุ์และการบริโภคพืชผัก เพื่อขายและจำหน่ายเนื่องจากยังคงไม่เพียงพอ ต่อการบริโภค"
"ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการค้าต่าง-ประเทศระบุว่า ประเทศไทยติดอยู่ใน 15 อันดับสูงสุดของผู้ส่งออกอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี การส่งออกพืชผักแปรรูปในปี 2013 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 1,560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ ร้อยละ 10 โดยตลาดใหญ่ได้แก่ จีน ฮ่องกง เวียดนาม ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา"
"ผักเป็นอาหารสำคัญสาหรับคนเอเชีย มีหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาวิธีการเพาะปลูก แต่มีแนวโน้มการใช้เมล็ดพันธุ์ผัก คุณภาพสูง เนื่องจากเกษตรกรจำนวนมากเห็นความสำคัญของการปลูกพืชผัก เพราะ จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น ความท้าทายที่จะเกิดขึ้นก็คือจะทำอย่างไรให้การเพาะปลูกพืชผัก สร้างผลกำไรมากขึ้นให้กับเกษตรกร คำตอบก็คือ การปรับปรุงพันธุ์พืชผัก ซึ่งการปรับปรุงพันธุ์พืชผัก คือ กระบวนการสมัยใหม่ในการปรับปรุงพันธุ์โดยการคัดเลือกสายพันธุ์"
ถึงตรงนี้ทีมงานฯ ได้สอบถาม "คุณสาวิตร แสงจันทร์" ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ว่าศักยภาพในการผลิตเมล็ดพันธุ์ของไทยเราเป็นอย่างไร คำตอบ ของคุณสาวิตรนั้นน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เขาได้บอกว่า "ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากทางด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ โดยในปี 2554 ประเทศไทยส่งออกเมล็ดพันธุ์ได้ถึง 25,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท รัฐบาลจึงกำหนดเป้าหมายเพิ่มการส่งออกเมล็ดพันธุ์ให้ได้มูลค่า 8,000 ล้านบาท ภายใน ปี 2558 ในส่วนของบริษัทเราเองในปี 2555 มียอดจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ คิดเป็นปริมาณกว่า 1,800 ตัน จำหน่ายภายในประเทศร้อยละ 46 ส่งออกร้อยละ 54 โดยมีผลิตภัณฑ์ที่รู้จัก กันดี เช่น เมล็ดพันธุ์พริกลูกผสม "ซูเปอร์ฮอต" ที่มียอดจำหน่ายประมาณ 1,000 กิโลกรัม สามารถผลิตผลสดได้ประมาณ 60 ล้านกิโลกรัมสร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 3,000 ล้านบาท และข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสม ที่มียอดจำหน่ายกว่า 300 ตัน ให้ผลผลิตได้ 360,000 ตัน สามารถสร้างรายได้ ให้เกษตรกรกว่า 2,500 ล้านบาท"
"ในส่วนของเกษตรกรนั้นมีความท้าทายอยู่ที่ปัญหาเรื่องพื้นที่การผลิตที่ลดน้อยลง สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และการระบาดของโรคและแมลง ตลอดจนการ ขาดแคลนความรู้ในการเพาะปลูก ดังนั้น บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมและอุตสาหกรรมการผลิตเมล็ดพันธุ์ สามารถช่วยแก้ปัญหา ดังกล่าว โดยการใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีความต้านทานโรคและแมลง เพาะปลูกง่าย เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว ให้ผลผลิตสูงรวมทั้งพนักงานที่ถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทมีความพร้อม หลายด้าน เช่น ศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ ห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพเมล็ด พันธุ์พืชของเอกชนรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสมาคมทดสอบเมล็ดพันธุ์นานาชาติ (International Seed Testing Association : ISTA) รวม ทั้งความพร้อมทางด้านการผลิตจากแหล่งผลิตทั่วประเทศ ทั้งนี้ ยังมีเกษตรกรเข้าร่วม เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์กว่า 1,700 ราย ดังนั้น เราเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอ ที่จะไปสู่การเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์แห่งประชาคมอาเซียน"
"วิธีการก็อย่างที่ "มร.โยส" กล่าวไปก็คือ การปรับปรุงพันธุ์พืชผัก คือ กระบวน การสมัยใหม่ในการปรับปรุงพันธุ์โดยการคัดเลือกสายพันธุ์ ในฐานะผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ เราเลือกใช้เทคโนโลยีพันธุ์ลูกผสม ซึ่งเทคโนโลยีพันธุ์ลูกผสมคือการใช้ประโยชน์จากความแข็งแรงหรือความดีเด่นของลูกผสม ที่เหนือกว่าพันธุ์พ่อพันธุ์แม่ เช่น ขนาดที่ใหญ่ กว่า ให้ผลผลิตเร็วกว่า รสชาติดีกว่า ก็คือการนำข้อดีของพันธุ์พ่อ ข้อดีของพันธุ์แม่มา ไว้ที่พันธุ์ลูกผสม เพราะผลผลิตที่มากขึ้นนำไปสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกรนั้นมาจาก 3 ปัจจัยหลักคือ พันธุ์ดี เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี และการเพาะปลูกที่ดี"
"ดังนั้น โอกาสของภาคเกษตรกรรมในส่วนของพืชผักนั้น เชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงในด้านการผลิตอาหารและผักสด และจะได้รับโอกาสจากการขยายตัวจาก การค้าในภูมิภาค ซึ่งตลาดการส่งออกนั้น มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ปี 2556 ตั้งมูลค่าไว้ที่ 46,500 ล้านบาท (เติบโตขึ้น 10% จากปี 2555) ส่วนตลาดภายในประเทศ ความต้องการบริโภคผักสูงขึ้น เนื่องจากกระแสใส่ใจสุขภาพ อีกทั้งแนวโน้มการบริโภคผักที่มีคุณภาพมีสูงขึ้นด้วย"
ก่อนจากกันไป "คุณสาวิตร" ได้กล่าวถึงความท้าทายที่เกษตรกรผู้ปลูกพืชผักต้องรับมือและหาหนทางพัฒนาว่า "ปัญหาเรื่องโรคและแมลงเป็นเรื่องที่ต้องเจอ เพราะขาด การบริหารจัดการแปลงปลูกที่มีประสิทธิภาพ ปัญหาขาดโอกาสในการเข้าถึงเครื่องมือการ เพาะปลูกที่มีคุณภาพ และปัญหาเกษตรกรเข้าไม่ถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับ การเกษตรกรรม"


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ