Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
สุดโต่ง มิอาจชนะทุกเกม
สุดโต่ง มิอาจชนะทุกเกม
วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556
Tweet
สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก
ต้องยอมรับกันก่อนว่า เป็นเพราะเรื่องการ "ยัดไส้" พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบ "เหมาเข่ง" แท้ๆ ที่ทำให้มวลมหาประชาชนจากทุกสารทิศจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การชุมนุมทางการเมืองของเมืองไทยต่างหลามไหลออกมาร่วมกันกดดันให้ ส.ส.เสียงข้างมากในสภาและรัฐบาลต้องถอยกรูด และเป็นพลังผลักให้วุฒิสภาต้องโหวตให้ล้มคว่ำไปในเวลารวดเร็ว
บังเอิญคนกระตุกการชุมนุมครั้งนี้ ดันเป็นคนสำคัญมาจากฟากฝ่ายค้าน แม้จะลาออกจาก ส.ส.มาปลุกม็อบให้เติบใหญ่ได้อย่างเข้มแข็ง จึงเลยเรียกคะแนนนิยมเสริมโด่งให้ฝ่ายค้านได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ ด้วยความเชี่ยวชาญเชิงยุทธ์อย่าง สุดล้ำลึก
เพราะความได้เปรียบในเชิงยุทธ์นี่เอง ทำให้เกิดอาการ "ย่ามใจ" หรือ "เหลิงในพลังม็อบ" แกนนำม็อบที่มีที่มาจากฝ่ายค้าน ได้ย้อนข้อมูลเก่าและใหม่มาผสมปนเป คลุกด้วยลีลาวาทะการปราศรัยที่สุดฉกาจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งโหมกระพือให้มวลชนที่ไม่เคยลิ้มรสวาทกรรมที่ดุ เด็ด เผ็ด มันมาก่อน ต่างสูดซี้ดเป่านกหวีดลั่นเมือง และเสพติดโดยไม่รู้ตัว
ใช่..ไม่รู้ตัวว่า เรื่องไหนเป็นข้อมูลจริง เรื่องใดเสกปั้น แต่ฟังแล้วลื่นไหลน่าเชื่อถือไปหมด
ด้วยเหตุนี่เอง แม้แกนนำพูดจาถึงขั้นให้สัจจะวาจา เสมือนเป็นผู้ซื่อสัตย์สุจริต เหลือเกิน เที่ยวคาดโทษฝ่ายตรงข้าม และแสดงท่าทีก้าวร้าวเด็ดขาด กำหนดเส้นตาย ถึงขนาดกำหนดวันต่อสู้ "ถ้าไม่สำเร็จ" ในวันนั้นแล้ว "จะผูกคอตาย"
แต่แล้วพอถึงวันขีดเส้นตายให้ตัวเองจริง แกนนำก็แกล้ง "ลืมตาย" เสียสนิท
นานเข้า แกนนำม็อบก็ใช้วิธีขีดเส้นตายซ้ำซาก ทำนอง "จะเผด็จศึกรัฐบาล" ให้ได้ในวันนั้นวันนี้ ก็เที่ยวปลุกระดมมวลชนให้เคลื่อนไหว จนลืมนึกถึง "ใจม็อบ" อย่างน่าตื่นเต้นตกใจไปทั่วโลก
ฝ่ายรัฐบาลนั้น "เข้าตาจน" ทำท่าจะบริหารรัฐไปรอดแหล่ มิรอดแหล่ในวันพรุ่งเสียให้ได้
แต่ผู้สนใจการเมืองกลับสังเกตเห็นท่าทีที่แปลกของฟากรัฐบาลอย่างมีนัย คือปฏิบัติการปิดกำแพงแบริเออร์ที่กั้นไม่ให้ม็อบบุกเข้ากองบัญชาการตำรวจ นครบาล หลังจากคืนก่อนหน้าก็ห้ำหั่นทั้งแก๊สน้ำตา กระสุนยาง สู้กับหนังสติกหัวน็อต และปืนพกจากกลุ่มม็อบ (ที่อ้างมาตลอดว่าจะชุมนุมแบบอหิงสา)... อยู่ๆ ถูกเปลี่ยนคำสั่ง 360 องศา พลิกกลับให้เปิดแบริเออร์ต้อนรับผู้ชุมนุมให้เข้าไปด้วยแถวตำรวจที่มีรอยยิ้ม และจับมือกอดคอคล้ายญาติสนิทแบบฉับพลัน
ไม่เว้นแม้ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยม็อบสู้อุตส่าห์กระเหี้ยนกระหือรือจะทำสงครามถล่มให้ย่อยยับคามือเสียให้ได้ แต่ประตูทำเนียบกลับเปิดอ้าต้อนรับให้ม็อบ กรูเข้าไปไชโยโห่ร้องด้วยความงงๆ ในชัยชนะที่เหลือเชื่อ
ม็อบเองคงไม่เข้าใจกลยุทธ์ "สงบสยบความเคลื่อนไหว" ณ นาทีนั้น จึงลิงโลดโดดเต้นไปถึงบนหลังคาสำนักงานข้างทำเนียบ
แต่ฝ่ายรัฐบาลกลับแอบยิ้มเงียบด้วยความโล่งใจ
เพราะฝ่ายรัฐบาลสามารถประกาศให้โลกรู้ได้เต็มปากเต็มคำว่า รัฐบาลชุดนี้ พิสูจน์ได้ชัดว่า ไม่ประสงค์จะให้ม็อบ หรือประชาชนซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันต้องมา ปะทะให้บาดเจ็บหรือล้มตายแม้แต่คนเดียว
ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับฝ่ายค้านอันเคยกุมอำนาจรัฐมาก่อน ที่อาศัย "ใบสั่งฆ่า" ให้ทหารออกไปไล่ล่าประชาชนต้องตายอย่างสยดสยองเกือบร้อยศพ เจ็บกว่า 2,000 ราย กลายเป็นรัฐบาลมือเปื้อนเลือดมาแล้ว
และแกนนำม็อบวันนี้ ก็คือคนเดิมที่เป็นผู้อำนวยการของเหตุการณ์ในวันนั้น เป็นแกนนำที่มักใช้ "กลยุทธ์สุดโต่ง" และวิธี "เกทับบลัฟแหลก" เพื่อหวังชัยชนะ ที่เบ็ดเสร็จต่อฝ่ายรัฐบาล ณ วันนี้
จึงทำให้เกิดข้อกังขาได้หรือไม่ว่า ทำไมแกนนำที่เป็น "ฮีโร่" วันนี้ จึงหวังเผด็จศึก แบบไม่อ่อนข้อหรือยอมเจรจาใดๆ กับฝ่ายรัฐบาล แม้ว่าฝ่ายรัฐบาลพยายาม ยื่นมือร้องขอเจรจาก่อน แต่แกนนำม็อบก็ไม่แยแสใดๆ
นานวันระหว่างการปลุกระดม ย่อมทำให้มวลมหาประชาชนผู้เดินตามหลังบางส่วนเริ่มฉุกคิด และไม่แน่ใจในคำพูดของแกนนำที่ชอบสัญญา และพูดจาไม่อยู่ กับร่องกับรอยบ่อยขึ้น...หลายวันเข้ากลยุทธ์สุดโต่ง พูดทีไรก็เด็ดขาดน่านับถือยิ่งนัก แต่ไม่ยักเผด็จศึกได้เสียที เนื่องเพราะไม่อาจแสดงความชอบธรรมให้เป็นไปตามกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญรองรับได้
ออกคำสั่งให้หน่วยงานรัฐไปรายงานตัว เลียนแบบคณะปฏิวัติที่ทหารเคยทำ มาแล้ว ก็ไม่เห็นมีหน่วยงานไหนเดินแถวเอามือกุมเป้ายอมรับในความเป็น "ผู้ชนะ" แม้แต่หน่วยเดียว
ไม่อยากพูดว่า แกนนำม็อบยิ่งนานวัน ยิ่งคล้าย "เด็กเลี้ยงแกะ" เข้าทุกที เพราะต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวจนสร้างมวลมหาประชาชนได้อย่างยิ่งใหญ่ ที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองไทย ก็ยังเป็นคุณูปการให้ฝ่ายรัฐบาลต้องหันกลับไปปฏิรูป การเมืองจริงจังขึ้น ทั้งสำรวจตัวเอง ทั้งต้อง "เลียแผลใหญ่" ที่ต้องจดจำและมีจิตสำนึกเสียสละต่อส่วนรวมให้มากกว่าผลประโยชน์ของพรรคพวกมากเกินไป
อย่างน้อย ภารกิจยิ่งใหญ่ในหัวใจแกนนำม็อบ ก็ต้องพิสูจน์ให้เด่นชัด ถึงขั้นตรวจสอบตัวเองด้วยเช่นกันว่า ต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องเหนือกว่าคู่กรณี..มิฉะนั้น กลยุทธ์ "สุดโต่ง" ก็มิอาจมีชัยทุกเกมไป
โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ซึ่งเป็นผู้หญิง ที่เห็นแล้วคิดแต่จะบดขยี้ให้แหลกคามือ โดยลืมไปว่าสตรีนั้นมีอาวุธร้ายที่ชายมักลืมไปว่า ซ่อนความงามและความสุภาพอ่อนน้อมที่ชายอกสามศอกเคยมอดม้วยไม่รู้ตัวมาแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ