ปชป. สิ่งรบกวน ปชต.

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปชป. สิ่งรบกวน ปชต.


บดขยี้ทิ่มแทง : by เจนละ กุลาอุดม

พรรคประชาธิปัตย์ถูกจัดเป็น "พรรคฉวยโอกาส" คอยรบกวนประชาธิปไตยมาตลอดการก่อตั้งพรรค 67 ปี

ในยามที่พรรคนี้เป็นฝ่ายค้าน มักก่อกวนด้วยแนวทางถนัดคือ ลู่ไปตามแรงลม ม็อบต่อต้านรัฐบาลเสมอ

ครั้งนี้เช่นกัน เมื่อ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา มติพรรคให้ ส.ส.ลาออกทั้งหมดมาร่วมต่อสู้กับกบฏสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.)

แม้ช่วงที่ม็อบ กปปส.มาถึงกระแสสูงในเชิงปริมาณ แต่กลับมีเนื้อหาเป้าหมาย การตั้ง "สภาประชาชน" อย่างอ่อนด้อยและล้าสมัย

สถานะของพรรคประชาธิปัตย์มักสร้างความสัมพันธ์ทางการเมืองในขบวนการ ต่อสู้ของ 3 กลุ่มอำนาจเกิดความขัดแย้ง และแย่งชิงอำนาจกัน

กลุ่มหนึ่งเป็นพวกอำนาจทหาร อีกกลุ่มเป็นฝ่ายจารีตประเพณีนิยม และกลุ่มสุดท้าย คือ พวกพรรคการเมืองแนวรัฐธรรมนูญนิยม

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว มีเนื้อแท้เป็นฝ่ายจารีตประเพณีนิยม ซึ่งเรียกว่าพวกอนุรักษ์ทางการเมือง

ทั้ง 3 กลุ่มต่อสู้เพื่ออำนาจการเมืองมาตลอด โดยมีประชาชนเป็นเหยื่อชัยชนะ ที่เกิดขึ้นมาจากกลเกมการทำ "พันธมิตรชั่วคราว" เพื่อล้มคู่ขัดแย้งหลักให้พ่ายแพ้

หลังปี 2475 ความขัดแย้งเกิดจากฝ่ายแนวรัฐธรรมนูญนิยมทำพันธมิตรต่อสู้ กับฝ่ายอนุรักษนิยมมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นหัวขบวน ผลคือ ฝ่ายแรกล้มกลุ่มอนุรักษนิยมได้สำเร็จ

เมื่อพันธมิตรฝ่ายแนวรัฐธรรมนูญกับกลุ่มทหารแตกคอกัน กลุ่มอนุรักษนิยมจับมือกับทหารโค่นฝ่ายแนวรัฐธรรมนูญ ภายใต้การนำของ "ปรีดี พนมยงค์" จนพ่ายแพ้ แล้วปิดฉากการเมืองไป

ความขัดแย้งทางการเมืองหลังปี 2500 จึงเหลือเพียงกลุ่มทหารกับฝ่ายอนุรักษนิยมที่พยายามแยกสลายกันและกัน

กระทั่งฝ่ายอนุรักษนิยมควบคุมฝ่ายทหารได้สำเร็จ โดยทำแนวร่วมกับ พล.อ. สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ายึดอำนาจไล่ฝ่าย จอมพล ป. พิบูลสงคราม หนีกระเจิงไปตายต่างประเทศอีกคน

นับแต่นั้นมา ฝ่ายอนุรักษนิยมก็ทำการแย่งชิงอำนาจกับฝ่ายทหารมาเป็นระยะ กระทั่งปี 2544 เกิดพรรคการเมืองแนวรัฐธรรมนูญนิยมขึ้นมาใหม่ในชื่อ "พรรคไทยรักไทย" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ความขัดแย้งและการต่อสู้จึงเปลี่ยนรูปแบบใหม่ โดยลากอำนาจตุลาการมาเป็นเครื่องมือทำลายทางการเมืองมากขึ้น

ทุกการต่อสู้เพื่อได้อำนาจการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ล้วนมาจากการเป็นพันธมิตรกับทหารเข้ายึดอำนาจทั้งสิ้น เพื่อใช้พลังทหารมาล้มพรรคการเมืองแนวรัฐธรรมนูญให้แพ้หรืออ่อนกำลังลง

ครั้งนี้เช่นกัน การก่อม็อบของกบฏสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุน ล้วนมีเป้าหมายลึกๆ ให้ทหารออกมายึดอำนาจเพื่อล้มพรรคเพื่อไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้ง

แต่ทหารในปี 2556 กลับนิ่งเฉย ไม่เข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และผู้นำเหล่าทัพอื่นๆ ประกาศปฏิเสธการยึดอำนาจรัฐบาลด้วยทหารอย่างสิ้นเชิง

หนำซ้ำ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจในสนามเลือกตั้ง นั่นจึงทำให้กบฏสุเทพเคลื่อนไหวลำบากมากขึ้น

ดังนั้น การยกระดับด้วยคำพูดลมเพลมพัดอย่าง "ยกสุดท้าย" ต้องถูกนำมาปลุกเร้าขอแรงสนับสนุนจากประชาชนไม่มีสิ้นสุด

โอกาสจบเกมของฝ่ายกบฏสุเทพมีแนวโน้มมาถึงทุกขณะ คงเหลือเพียงก่อความรุนแรงให้สังคมแตกตื่นเท่านั้น จึงจะดิ้นรนหา "ทางลง" และสามารถจบเกมได้

กบฏสุเทพยังไม่ชนะ แม้ประกาศยึดอำนาจผ่านแถลงการณ์ออกคำสั่งกี่ครั้ง ก็ไม่สะเทือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์

การเผชิญหน้าที่เป็นอยู่นี้ มีสภาพเพียงหาทางลงจากหลังเสือเท่านั้น ไม่มีอะไรต้องแตกตื่น

ทางลงอย่างหนึ่งของม็อบกบฏสุเทพ คือ พรรคประชาธิปัตย์ต้องลงเลือกตั้ง เล่นตามกติกาประชาธิปไตย จึงจะสง่างามทุกฝ่ายรอลุ้นแนวทางนี้อยู่อย่างระทึก


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ