Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ยิ่งนานยิ่งพิสูจน์ แกนนำม็อบ
ยิ่งนานยิ่งพิสูจน์ แกนนำม็อบ
วันอังคารที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2557
Tweet
สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก
ตั้งแต่เกิดม็อบที่สำคัญๆ ไม่ว่าม็อบเสื้อเหลือง ม็อบเสื้อแดง และม็อบประชาธิปัตย์ ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปไม่น้อย มันอาจบ่งบอกถึงความตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้ระดับหนึ่ง
แต่หากมองในมุมร้าย ม็อบเหล่านี้ก็เสพติดข้อมูลที่ไม่ได้รับการกลั่นกรองดีพอ ย่อมทำให้ผู้ชุมนุมหลงเชื่อได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแกนนำม็อบที่มีศิลปะในการใช้วาทกรรมให้น่าเชื่อ
ยิ่งหากเจือสมกับนิสัยคนไทยที่ชอบ "ความมัน" มากกว่าฟังแล้วกรองด้วยแล้ว ก็มักตกเป็นเหยื่อของนักพูดที่ชอบใช้วาจาคารมโน้มน้าวคนฟังได้ดียิ่งนัก
แต่ร้ายยิ่งกว่าของทุกกลุ่มม็อบ คือการเติมเชื้อความขัดแย้งให้ผู้ชุมนุมเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามอย่างมีเหตุผลน้อยลงโดยไม่รู้ตัว กระทั่งคนมีการศึกษาระดับดอกเตอร์ ก็ยังสอดคำนิยามลงในระบอบประชาธิปไตยไปในทางผิดๆ และอย่างไม่น่าเชื่อรูหู
ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เชี่ยวชาญทางรัฐศาสตร์มากที่สุดคนหนึ่ง ยังกล้าระบุว่า "1 คน 1 เสียง ยังใช้กับคนไทยไม่ได้"
ดร.เสรี วงษ์มณฑา ขนาดคลุกเข้าไปช่วยหลายพรรคการเมืองมาแล้ว ยังกล้าพูดว่า "3 แสนเสียงใน กทม.เป็นเสียงที่มีคุณภาพ ย่อมดีกว่า 15 ล้านเสียง ในต่างจังหวัดแต่ไร้คุณภาพ"
แค่ 2 ดอกเตอร์กล้าพูดอย่างนี้ได้ มันก็น่าห่วงมวลมหาประชาชนจะเสพติดระบอบ ประชาธิปไตยที่ผิดๆ ได้ง่ายๆ เพราะนิยามแบบนี้มันคือ "เผด็จการข้างน้อย" ที่ในระบอบเผด็จการเขาใช้กันมาตลอด
ถ้าเราได้ยินแกนนำอย่างคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกคำสั่งไปยังหน่วยราชการให้หยุดทำงาน หรือสั่งให้ตำรวจ ทหารกลับไปสู่ที่ตั้งในกรม กอง ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจ ตามกฎหมายแล้วละก็...นั่นล่ะเขากำลังเสพติดระบอบเผด็จการโดยไม่รู้ตัว
ผมเคยชอบใจวาทกรรมของนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต จึงมักขยันไปฟังการพูดของนักพูดจากพรรคนี้บ่อยๆ...ผ่านมาอีกห้วงหนึ่งก็ชื่นชอบในวิธีการพูดที่ดูน่าเชื่อถือของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำม็อบเสื้อเหลือง ก็ไปร่วมขบวนม็อบที่สวนลุมพินี และหน้าลานพระรูปทรงม้าแค่ 2 ครั้ง
ที่สุดวันเวลาก็พิสูจน์แก่นแท้คุณสนธิได้หมดเปลือก จนไม่เหลือความน่าเชื่อไว้ในสมองอีก
ปี 2533 ม็อบเสื้อแดงถือว่ามากที่สุดในช่วงนั้น ผมไม่เคยไปร่วมแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่มีนักพูดที่พูดจาได้เร้าใจกว่าม็อบเสื้อเหลือง ทั้งๆ ที่เขาต่อสู้เสมือนตัวแทนของคนชั้นล่างคือ ทวงความยุติธรรม
มาปีนี้เป็นปีที่พลิกล็อกของปริมาณม็อบซึ่งถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์การเมืองของเมืองไทย ผมกลับไม่เฉียดเข้าไปใกล้เลย ทั้งๆ ที่ใจอยากไปร่วมปฏิรูปการเมืองไทยให้เปลี่ยนแปลงไปสู่หนทางใหม่กับเขาบ้าง แต่เพราะเคยสัมผัสลีลาการพูดของแกนนำม็อบอย่างคุณสุเทพ และอดีต ส.ส.แถวหลังคุณสุเทพแล้ว เปรียบเทียบไม่ได้เลยกับวาจาคารมที่ประทับใจในอดีต ส.ส.รุ่นเก่าของพรรคประชาธิปัตย์...จึงจับใจความได้ว่า คุณสุเทพเติมนิยามของวาทะตัวเองลงในการเมืองที่แท้จริงได้ว่า
"พวกเผาบ้าน เผาเมือง" ครั้งหนึ่ง ตอนที่เขามีอำนาจรัฐ
"ไล่ระบอบทักษิณ" ก็อีกครั้งหนึ่งในห้วงนี้ ซึ่งถือว่าสำเร็จได้ระดับหนึ่ง แม้จะไม่เป็นรูปธรรมชัดนัก แต่ก็เห็นเป็นนามธรรมอยู่ไม่น้อย เนื่องเพราะถ้าจะให้คำจำกัดความคำว่า "ระบอบทักษิณ" กินโกง คอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวก หรือเป็นทุนสามานย์ มันก็ต้องย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับแกนนำม็อบและนักการเมืองคนอื่น ด้วยว่า ไม่เล่นพรรคเล่นพวก ไม่เป็นทุนสามานย์ ไม่อาศัยความเป็น ส.ส.กอบโกยผลประโยชน์ชาติ และไม่เคยโกงกินเป็นโคตรเป็นวงศ์ตระกูลเลยหรือไม่?
ถ้าเราไม่สังเกตให้รอบด้าน เราก็จะไม่รู้ความผิดปกติบางอย่างของแกนนำม็อบว่า มีหลักยืนแน่วแน่แค่ไหนกับความถูกต้อง แต่คนที่ไปร่วมชุมนุมเองต่างหากที่เริ่มมอง เห็นอะไรๆ ในตัวแกนนำชัดขึ้น อาทิผู้ชุมนุมบางคนที่กลุ่มม็อบรู้จักดีว่า "ตั้ม สมประสงค์" เริ่มแสดงความเห็นลงในเฟซบุ๊กว่า... "ผมได้ร่วมเดินไปกับเพื่อน เพื่อมุ่งหมายเดียวกันคือ ขับไล่สิ่งไม่ดี ลบล้างระบอบทักษิณ ซึ่งคิดว่าเราได้รับชัยชนะขาวสะอาด...แต่เมื่อเช้านั่ง ดูนักการเมืองที่ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นเลย...มาประกาศปาวๆ ว่า ขอให้ตำรวจกลับสู่ที่ตั้ง ให้ทหารเข้ามาคุมพื้นที่ ผมถึงกับอึ้ง...สรุปนี่มึ..จะเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติหรืออย่างไร... มึ..ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่มึ..ไล่เค้าเลยจริงๆ...ผมว่าเพื่อนๆ หลายคนคงรู้ว่า คนบางคนน่ะ มันโกงกินชาติบ้านเมืองมาขนาดไหน ผมจะไม่พูดเรื่องส่วนตัว ไปหาดูในเน็ตกันเอง... แต่อยากถามว่ามึ..จะเอายังไงกันแน่ ยิ่งเห็นท่าทางวางอำนาจ เหมือนเป็นหัวหน้าปฏิวัติ แล้วอยากอ้วกจริงๆ....ระบอบทักษิณน่ะกูไม่เอาแน่ แต่ที่แน่ๆ กูก็ไม่เอามึ..เหมือนกันล้านเปอร์เซ็นต์ กูไปเดินด้วยใจ แต่กูไม่ได้ไปเพื่ออีก 1 โจรปล้นแผ่นดิน จะบอกให้"
การลากม็อบที่มีใจบริสุทธิ์ให้ไขว้เขวหลงไปกับเข็มมุ่งลึกๆ ที่แกนนำต้องการ ต้องไม่ลืมว่า "ม็อบมีสมอง" เขาก็คิดเองได้
ยิ่งลากม็อบไปนานๆ ก็จะยิ่งพิสูจน์ธาตุแท้ของแกนนำม็อบได้ไม่ยากหรอกครับ..ลุงก่ำนั๋น!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ภาษีบุหรี่ ค้างคา "แช่แข็ง" ไม่เดินหน้...
...
อะไรคือ ? โจทย์ใหญ่ กระทรวงการคลัง ที่มา...
...
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ