สัมภาษณ์พิเศษ
ที่ต้องบอกว่าเธอ "สวย+เก่ง ยกกำลัง 2" ก็เพราะบทบาทหน้าที่ที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่มีเพียงหนึ่งแต่มีถึง 2 และ 3 และ 4 ที่ต้องทำในขณะเดียวกัน ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเลือกเธอมาร่วมงานในตำแหน่ง "โฆษกกรุงเทพมหานคร"
"ตรีดาว" เล่าให้ฟังถึงหน้าที่การงานที่ต้องทำในหนึ่งสัปดาห์ว่านอกจากจะต้องรับหน้าที่เป็น "โฆษกกรุงเทพ มหานคร" แล้ว เธอยังทำหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษสอนศิลปะการละครที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยกรุงเทพอีกด้วย
"มีคนถามบ่อยมากว่าออกจากเป็นอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาเป็นอาจารย์ พิเศษน่าจะมีเวลาว่าง แต่ว่าชีวิตนี้ไม่เห็นจะมีอะไรว่างเลยไม่เคยว่างเลยจริงๆ" เธอพูดไปยิ้มไปพร้อมกับบอกว่า แต่ก็มีความสุขมากเพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบ นอกจากนั้นเธอยังรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการสยามวิพากษ์ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ และเคยทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการเช้าวันใหม่กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นรายการสดออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Bluesky Channel ในทุกวันจันทร์-ศุกร์ อีกด้วย
และอีกหนึ่งหน้าที่คือบทบาทภรรยาที่น่ารักของ "พงษ์ สุขุม" บุตรชายคนโตของ ปราโมทย์ สุขุม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์
ตรีดาว เป็นบุตรสาวคนที่ 2 ของ พันตำรวจเอกวิจิตร และ เกื้อกูล อภัยวงศ์ จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนราชินี และปริญญาตรีเกียรตินิยม ภาควิชาศิลปะการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้ถูกทาบทามให้มาเป็นอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์
เธอสอนหนังสือได้ 1 ปี จากนั้นได้ไปศึกษาเพิ่มเติมด้านศิลปะการละครในระดับมหาบัณฑิตที่ University of Exeter ประเทศอังกฤษ พอเรียนจบก็กลับมารับราชการเป็นอาจารย์ประจำที่คณะอักษรศาสตร์จุฬาฯเป็นเวลา 8-9 ปี จากนั้นได้ลาออกจากอาจารย์ประจำมาเป็นอาจารย์ พิเศษเมื่อปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่เกิดเหตุการณ์ ความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองรวมทั้งชีวิต ของเธอ
ถ้ายังจำกันได้ในช่วงเวลาเดียวกันที่กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยจะออกมาต่อต้าน ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี "ม็อบชมพู" หรือ "ม็อบจุฬา" ที่มีทั้งอาจารย์ นิสิต นักศึกษาทั้งเก่าและใหม่ได้รวมตัวเคลื่อนไหวอยู่ด้วยหลายคนอาจสงสัยว่า หนึ่งในแกนนำม็อบชมพูเป็นกลุ่ม เดียวกับกลุ่มพันธมิตร หรือประชาธิปัตย์หรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้เธอก็ได้เล่าให้ทีมงาน สยามธุรกิจฟังว่า สาเหตุที่ออกมาเพราะกลุ่มอาจารย์ต่างไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรม ของอดีตนายกฯ ในคดีซุกหุ้น ซึ่งการเรียกร้องครั้งนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของอาจารย์แต่ละท่าน ซึ่งไม่มีกลุ่มการเมืองใดอยู่เบื้องหลัง
"ที่ออกมาเรียกร้องเพราะไม่เห็นด้วยกับคดีซุกหุ้น เราเป็นอาจารย์สอนเด็กในเรื่องของจริยธรรม คุณธรรม ตลอดเวลา แต่เมื่อผู้นำไม่มีทั้งจริยธรรม และคุณธรรม อาจารย์จะสอนเด็กอย่างไร ชาวอักษรฯ ในขณะนั้นจึงต้องออกมาเคลื่อนไหว เพราะหน้าที่ที่สำคัญ ของอาจารย์ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษาที่ไหนก็คือการสอนเรื่องจริยธรรม ให้กับเด็กๆ"
มีหลายคนอาจมองว่าสาเหตุที่ลาออกจากอาจารย์ประจำเพราะมาสนใจการเมืองนั้นเธอได้อธิบายให้ฟังว่า ไม่ได้ถูกกดดันแต่อย่างใด ซึ่งความจริงแล้วการเป็นอาจารย์ประจำคณะจะต้องมีบทบาทการเป็นนักวิชาการและนักวิจัยร่วมอยู่ด้วย แต่เธอเป็นนักปฏิบัติรักในการสอนหนังสือ ดังนั้นจึงต้องให้พื้นที่นี้กับคนอื่นที่เหมาะสมกว่า นี่จึงเป็นที่มาของการผันตนเองมาเป็นอาจารย์พิเศษในปัจจุบัน
ขณะเดียวกันเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นยังได้สร้างตำนานรักทำให้เธอได้พบกับ "พงษ์ สุขุม" คู่ชีวิตในปัจจุบัน ที่นอกจากจะชอบการเมืองเหมือนกัน ทั้ง 2 ยังชอบจักรยานเหมือนกัน "แต่คุณพงษ์ ชอบจักรยานมากกว่าดาวค่ะ ที่ประทับ ใจเขาก็เพราะว่าชอบอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน เรื่องจักรยานต้องยกให้เขา ที่บ้านตอนนี้ก็เต็มไปด้วยจักรยานจนต้องเปิดเป็นแกลเลอรี่แล้วค่ะ"
ส่วนเรื่องการทำงานในแวดวงการเมือง "พงษ์" เคยรับตำแหน่งเป็นเลขานุการประธานสภากรุงเทพมหานครคลุกคลีอยู่ในแวดวงการเมืองมาตั้งแต่เด็กเพราะได้ติดตาม ปราโมทย์ สุขุม บิดามาโดยตลอด และเขาก็ยังเป็นบุคคลสำคัญอีกผู้หนึ่งในการร่วมการตัดสินใจเข้ามารับตำเหน่ง "โฆษกกรุงเทพ มหานคร" ของเธออีกด้วย
"จริงๆ แล้วก็สนใจเรื่องการเมืองมาตั้งแต่เล็กแล้ว มันเป็นวัฒนธรรมครอบครัว ที่บ้านจะพูดเรื่องบ้านเมืองกันตลอดเวลา ที่บ้านมีลูกสาว 3 คนมีน้องชายคนเล็กอีก 1 คน เราก็คุยกันแต่เรื่องปัญหาบ้านเมือง ปัญหาสังคม ไม่ค่อยคุยเรื่องแฟชั่นกันสักเท่าไหร่ เมื่อท่านผู้ว่าฯ (ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร) มาชวนที่บ้านก็ให้การสนับสนุน คุณพงษ์ ก็เห็นด้วย จะได้มีโอกาสเข้ามาช่วยเหลือผู้อื่นได้มากขึ้น"
"ก่อนหน้านั้นท่านผู้ว่าฯ ได้โทรศัพท์มาพูดคุย ถามว่าสนใจงานโฆษกไหม จะให้มาทำงานทางด้านนี้ ตอนนั้นก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าเราจะทำได้หรือเปล่า แต่ก็ตอบไปว่าถ้าท่านเชื่อว่าทำได้และให้โอกาส ดาวก็ยินดีที่จะรับหน้าที่ในตำแหน่งนั้น กลับมาบ้านก็มาเล่าให้คุณพงษ์ฟัง เขาเอง ก็สนับสนุนให้คำแนะนำเรื่องงานในกทม. เพราะจะได้ทำประโยชน์ได้จริงๆ มาอยู่ตรงนี้แล้วช่วยคนอื่นได้เต็มที่ จากนั้นวันที่ 2 เมษายน ท่านผู้ว่าฯ ก็โทร.มาบอกว่า กกต.รับรองแล้วนะ พรุ่งนี้เชิญมาประชุมกับทีมที่ปรึกษาและรองผู้ว่าฯ ดาวก็ได้เริ่มงานตั้งแต่วันนั้นเลย"
ถึงนาทีนี้ต้องบอกว่าทุกย่างก้าวของ "ตรีดาว อภัยวงศ์" หรือ "ตรีดาว อภัยวงศ์ สุขุม" เธอมาแบบไม่ธรรมดาจริงๆและอนาคตทางการเมืองของเธอก็คงไม่หยุดแค่ตำแหน่ง "โฆษกกรุงเทพมหานคร" อย่างแน่นอน...