จากปัญหาสารหนูที่ปนเปื้อนในแม่น้ำกก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาฯ (บพค.) จึงได้มีการระดมสมองจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ และเร่งเจรจาในระดับสากล โดยได้จัดเสวนาวิชาการ หัวข้อ “จากข้อมูลสู่โอกาส : แกะรอยสารพิษ…ปลุกชีวิตแม่น้ำกก” ขึ้น ณ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) เมื่อเร็ว ๆ นี้
ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาฯ (บพค.) “ตามที่ทราบกันแล้วว่า วิกฤติแม่น้ำกก เกิดจากการทำเหมืองแร่ Rare Earth ในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วมีการไหลนำเอาของเสียจากอุตสาหกรรมนั้นเข้ามาสู่เมืองไทย จากปัญหาดังกล่าว เป็นภารกิจหนึ่งที่ บพค.ต้องเข้าไปเร่งรัดดำเนินการ บพค. ได้สนับสนุนงบประมาณ และส่งทีมนักวิจัยลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินจากแม่น้ำกกบริเวณบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อนำไปวิเคราะห์ความเป็นพิษด้วยเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน เมื่อได้ผลวิจัยและแนวทางการแก้ไขปัญหาแล้วนำไปสู่การขับเคลื่อนในเชิงนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสารพิษดังกล่าว
ด้วยประสบการณ์ ความรู้ และวิสัยทัศน์ ของ ดร.ณิรวัฒน์ บพค. พร้อมเดินหน้าสู่บทบาทองค์กรแกนนำในการขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วิทยศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศในเวทีโลกอ่างมั่นคงและยั่งยืน
ศาสตราจารย์ ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ นิด้า และประธานฟิวเจอร์เอิร์ธไทยแลนด์ เน้นย้ำว่า การใช้แร่ธาตุในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแล้วปล่อยให้มีการปนเปื้อนในแม่น้ำ จะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงต่อประชาชน โดยเฉพาะเมื่อพบสารหนูในร่างกายเด็ก ต้องมีการศึกษาผลกระทบเพิ่มเติมต่อสุขภาพประชาชน ทุกฝ่ายต้องทำงานเชิงรุกให้มากขึ้นและอาจต้องพิจารณาไม่ซื้อแร่ Rare Earth จากประเทศเพื่อนบ้านหากมีความจำเป็น และต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคและแหล่งน้ำที่ใช้ วิกฤติมลมิษนี้เป็นปัญหาที่ไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ทันที จึงต้องการความร่วมมือจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขเพื่อศึกษาและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ไทยจำเป็นต้องทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะกับกลุ่มว้าที่รัฐบาลเมียนมาไม่สามารถเข้าไปพูดคุยได้ ทำให้ไทยมีปัญหาในการขับเคลื่อนเช่นกัน
เพื่อให้การเจรจามีน้ำหนัก ไทยควรเตรียมข้อมูลการส่งออกแร่จากกรมอุตสาหกรรมและการเหมืองแร่ เพื่อยืนยันว่าไม่มีการนำเข้า Rare Earth หรือแมงกานีสเข้ามา และชี้ให้ชัดว่าการนำเข้าแร่ต่างๆ เป็นเพียงการส่งผ่านเท่านั้น24.
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมาธิการกำลังจัดทำข้อมูลรายละเอียดของสารแร่ โลหะหนัก และมลพิษต่างๆ ที่มีอยู่ในไทย เพื่อให้สาธารณชนรับรู้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบและความร่วมมือจากภาครัฐและองค์กรเอกชนที่ทำงานด้านนี้25. คณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย กำลังเดินหน้าปรึกษาผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยังลาว เพื่อต่อยอดไปยังพม่าและจีนต่อไปตามความร่วมมือ LMC การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม >>> https://youtu.be/bDWdtApaKQQ