หลุมพรางเอ็นจีโอปฏิรูปพลังงานไทย

วันอังคารที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หลุมพรางเอ็นจีโอปฏิรูปพลังงานไทย


ยังคงเป็นประเด็นสุดฮอตที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่สามารถ “ผ่าทางตัน” ไปได้กับทิศทางการปฏิรูปพลังงานที่คสช.ประกาศจะดำเนินการควบคู่ไปกับการปฏิรูปประเทศ และส่ง “บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง” รองหัวหน้า คสช.ขุนพลเศรษฐกิจ ลงมาโม่แป้งมาเป็นแรม เดือน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถสรุปทิศ ทางการปฏิรูปพลังงานที่เป็นรูปธรรมลงไปได้

แม้ที่ผ่านมา “บิ๊กจิน” จะเปิดเวทีเชื้อเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะแนวทางการปฏิรูปพลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน แต่ดูเหมือนข้อมูลที่ประดังเข้ามายังคณะทำงาน โดยเฉพาะจากเครือข่ายจับตาการปฏิรูปพลังงานของประเทศ กองทัพประชาชน และเครือข่ายเอ็นจีโอทั้งหลาย จนทำให้หลายฝ่ายพากันหวั่นเกรง คสช.จะตกหลุมพรางหรือสำลักข้อมูลที่ถูก รุกเร้าอย่างหนักหน่วงเหล่านี้ หรืออาจอยู่ในสภาพที่ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” หากจะประกาศยุทธศาสตร์การปฏิรูปพลังงานที่ไปขัดแย้งกับจุดยืนสุดขั้วของเครือข่ายเหล่านี้

อย่างเรื่องของการจัดหาพลังงานของประเทศ ที่เครือข่ายเอ็นจีโอพากันตีฆ้องร้องป่าว ปลุกเร้าผู้คนให้หลงเชื่อว่าประเทศไทยมีทรัพยากรทั้งแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากมายมหาศาลพอๆ กับดินแดนตะวันออกกลาง ถึงขนาดตีปี๊บว่าไทยเปรียบเสมือน “ซาอุแห่งเอเชีย” และพยายามตอกย้ำข้อมูลนี้ผ่านเวทีสัมมนา เครือข่ายออนไลน์หรือโซเชียล เน็ตเวิร์กทั้งหลาย จนทำให้ประชาชนคนไทยออกอาการเคลิ้มตามกันไปหมด

ทั้งที่ข้อมูลที่เครือข่ายเหล่านี้นำเสนอ ก็ล้วนมาจากการคาดเดาแบบ “จับแพะชนแกะ” ที่ปราศจากหลักฐานอ้างอิง เป็นแค่ความเห็นของนักวิชาการของเครือข่ายบางคนที่เอาเข้าจริงก็กลวงโบ๋ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่เพราะมีการนำมาพูดซ้ำตอกย้ำแบบวาท-กรรมเอะอะอะไรก็ “ระบอบทักษิณ”

จนวันนี้เราต่างก็นึกไปว่าเรามีน้ำมันมากมายมหาศาลอย่างนั้นจริงๆ!

หรือในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากร ปิโตรเลียมที่เครือข่ายเอ็นจีโอ โดยเฉพาะอดีต ส.ว. “ตัวแม่” ที่ออกมาผลักดันให้คสช.ล้มระบบการให้สัมปทาน Concession ในปัจจุบันที่เรียกว่า “ไทยแลนด์ 3” และพยายามชูระบบแบ่งปันผลผลิต หรือ Produc tion sharing Contract หรือ PCS ในการเปิดพื้นที่สำรวจปิโตรเลียมรอบใหม่และนำระบบว่าจ้างผลิตในสัมปทานที่ใกล้จะหมดอายุในปี 2565-2666 มาใช้แทน โดยยกตัวอย่างเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างมาเลย์ หรืออินโดนีเซียที่ต่างก็ใช้ระบบนี้ ทำให้ประชาชนเขาใช้น้ำมันราคาถูกกว่าบ้านเราเป็นเท่าตัว

แต่เมื่อมีการตีแผ่เนื้อแท้ถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันในบ้านเราทำไมจึงแพงกว่าเพื่อนบ้าน (เว้นก๊าซหุงต้มที่เราต่ำกว่าอีกหลายประเทศ) เพราะมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต และเงินกองทุนน้ำมันเข้าเป็นรายได้รัฐให้ยุบยั่บ ที่มากกว่าต้นทุนราคาน้ำมัน หากรัฐจะยอมเสียเม็ดเงินรายได้เป็นหมื่นล้าน แสนล้านเพื่อสนองตอบ Maximize Vote เอาใจผู้คนให้ถลุงพลังงานกันเป็นว่าเล่นแล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็เป็นการนำประเทศไปเสี่ยงกับไฟ

ขณะที่ระบบสัมปทานไทยแลนด์ 3 ที่ว่านั้นเมื่อเจาะลงไปดูไส้ในแล้วทุกฝ่ายต่างก็ยอมรับไม่มีระบบใดจะเหมาะสมเทียบเท่าอยู่ในเวลานี้ และประเทศก็ไม่ได้เสียเปรียบใดๆ กลับกันมีแต่ได้กับได้ เพราะความเสี่ยงในการขุดเจาะน้ำมันทั้งหมดทั้งมวลตกอยู่กับบริษัทเอกชนที่จะเข้ามาลงทุน ตรงกันข้ามการจะปรับเปลี่ยนนำมาระบบแบ่งปันผลผลิตมาใช้ก็อาจเป็น “ดาบ 2 คม” ที่ทำให้นักลงทุนเมินสัมปทานขุดเจาะน้ำมันในบ้านเราเอาได้ สุ่มเสี่ยงที่ประเทศอาจเกิดวิกฤติพลังงานเร็วขึ้น

เจอลูกนี้เข้าก็ทำเอาเครือข่ายเหล่านี้ไปไม่ถูก ล่าสุดก็หันไปตีปี๊บเรื่องของการผูกขาดตัดตอนกิจการพลังงานของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยอ้างว่าหากจะปฏิรูปพลังงานก็ต้องปฏิรูป ปตท.ก่อนเพื่อลดการผูกขาดกิจการตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำของ ปตท. จนถึงขั้นจะให้กระทรวงการคลัง และ คสช.ใช้อำนาจดึง ปตท.ออกจากตลาด กลับมาเป็นของรัฐ หรือไม่ก็ให้แยกกิจการท่อก๊าซที่ปตท.ผูกขาดอยู่ออกมา

อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของเครือข่ายเอ็นจีโอเหล่านี้ หลายเรื่องเป็นสิ่งที่กระทรวงพลังงานมีการดำเนินการไปแล้ว อย่างในเรื่องของการลดการผูกขาดของ ปตท.นั้น “นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” ประธานบอร์ด ปตท.ก็ประกาศตั้งแต่วันรับตำแหน่งถึงภารกิจที่จะดำเนินการในการขายหุ้นปตท.ที่ถืออยู่ในโรงกลั่น SPRC และโรงกลั่นบางจากลง รวมทั้งจะแยกกิจการน้ำมันออกไปตั้งเป็น BU หรือตั้งบริษัทใหม่ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป

ขณะที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือเรกูเลเตอร์ ก็ออกมาขานรับการให้เอกชนรายอื่นเข้ามาใช้ท่อก๊าซปตท.ได้ โดยเตรียมออกประกาศ Third Party Access สำหรับท่อก๊าซและสถานีรับ-จ่าย และให้ปตท.ออก Third Party Access Code เพื่อให้เอกชนรายอื่นเข้ามาใช้ได้ปลดล็อกโซ่ตรวนที่ถูกใครต่อใครค่อนแคะไปอีกเปลาะ

แต่จะให้แปรรูปไปถึงขั้นดึงปตท.ออกจากตลาดหุ้นเพื่อกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจ เต็มรูปแบบ หรือให้รัฐไปตั้งรัฐวิสาหกิจบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ที่รัฐถือหุ้น 100% หรือไปรื้อฟื้น “น้ำมันสามทหาร” มาแข่งขันกับปตท.โดยตรง

อันนั้นก็ไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเครือข่ายเอ็นจีโอเหล่านี้ ต้องการเห็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติที่ต้องถูก “บอนไซ” เอาไว้ ไม่ให้เติบใหญ่ หรือแค่อยากตั้งบริษัทน้ำมัน เอ็นจีโอกันแน่ แบบที่เคยรุกคืบยึดสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในอดีตเอามาปู้ยี่ปู้ยำเป็นทีวี เอ็นจีโออยู่ในปัจจุบัน!!!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ