สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก

ก็ไม่รู้สินะว่า กสทช. มีหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่และประกอบกิจการวิทยุ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนแบบไหน

คำเต็มคือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งยาวมากจนไม่มีใครอยากเรียกมากไปกว่าคำย่อว่า กสทช.

ตั้งแต่ปลายปี 53 ได้ควบรวมกำกับดูแลกิจการเหล่านี้แล้ว กสทช.สามารถนำเงินเข้ารัฐได้เต็มกอบเต็มกำก็เมื่อตอนประมูลคลื่นความถี่ของโทรศัพท์มือถือระบบ 3G จาก 3 ค่ายใหญ่ คือ AIS, DTAC และ TRUE MOVE มากถึง 41,625 ล้านบาท (ได้จากการประมูลทีวีดิจิตอลอีก 50,862 ล้านบาท)

หลังจากนั้น กสทช.ก็มีรายได้จากการไล่ปรับบริษัทมือถือกับ 2 บริษัทใหญ่วันละเกือบ 2 แสนบาทบ้าง 1.5 แสนบาทบ้าง โทษฐานที่ยังคงคิดค่าบริการมือถือเกินประกาศของ กสทช.เรื่อยมา

ก็ว่ากันไปตามกติกาที่วางไว้

แต่มานึกตะหงิดๆ อยู่ในใจว่า หากมีการประมูลระบบ 3G ได้เงินเข้ารัฐมากกว่า 4 หมื่นล้านบาทแล้ว กสทช.ก็ควรดำรงจิตสำนึกให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนตลอดไป

ด้วยการหวงแหนดูแลระบบ 4G ให้เกิดการประมูลรอบต่อไป ให้เกิดรายได้เข้ารัฐตามกฎกติกาที่พึงมีและพึงได้

กลับกลายเป็นว่า ณ วันนี้เราได้ยินบริษัทขายคลื่นมือถือรายหนึ่ง ประกาศว่า ได้พัฒนาระบบ 4G บนคลื่นความถี่หนึ่ง และขายบริการเรื่อยมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว

โดยที่ กสทช.ไม่ได้แสดงท่าที หรือกำหนดโทษห้ามปรามใดๆ ออกมาเป็นรูปธรรม

ทำให้เราไม่แน่ใจในบทบาทที่แท้จริงว่า กสทช.กำกับดูแล และมีอำนาจเต็มในการจัดสรรคลื่นความถี่ทั้งหมดของประเทศ หรือมีกฎหมายเฉพาะของตัวเองเพื่อจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมดหรือไม่

หรือว่า เอกชนบางรายที่ประกาศขายสินค้าในระบบ 4G ไปก่อนรายอื่นๆ นั้น เขาทำไปได้ภายใต้กฎหมายอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งกสทช.ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายล่วงล้ำกรรมสิทธิ์เขาได้

หรือว่า ได้เกิดช่องว่างของกติกาในระบบนี้ จนเป็นเงื่อนไขให้ คสช.เองต้องปวดหัวไม่อาจตัดสินได้ว่า เกิดผิดพลาดทางเทคนิคตรงไหนกันแน่...จึงต้องเลื่อนการประมูลระบบ 4G ออกไป

มันเลยหนีไม่พ้นคำว่า อยุติธรรมซ้ำเติม และเอนเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเห็นชัดยิ่ง

เราไม่รู้หรอกว่า มันมี “วาระซ่อนเร้น” อะไรหรือไม่...แต่มันทำให้เกิดปุจฉาขึ้นมาทันใดว่า

กสทช.คุมคลื่นความถี่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนแบบไหนกันแน่ครับ ?