ปั้นโมเดลเศรษฐศาสตร์ผ่าปัญหาคอร์รัปชั่น

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ปั้นโมเดลเศรษฐศาสตร์ผ่าปัญหาคอร์รัปชั่น


ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการ วช. สาขาเศรษฐศาสตร์ ได้กล่าวถึงการใช้แนวคิดเศรษฐศาสตร์ในการจัดการกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ว่า ได้มีการเสนอความเห็นโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ว่าจะเป็น ศ.ดร.เมธี ครองแก้ว รศ.ดร.สิริลักษณา คอมันตร์ รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ เป็นต้น และมองเห็นร่วมกันว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นอุปสรรคต่อโอกาสพัฒนาการทางเศรษฐกิจไทยและทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งทำให้ประชาธิปไตยของประเทศอ่อนแอลง แนวทางการแก้ปัญหาจึงต้องใช้การป้องปราม ลงโทษผู้กระทำ บังคับใช้กฎหมาย และสร้างแรงจูงใจให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง รวมทั้งการปรับค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐและนักการเมืองให้เหมาะสมกับอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ

ผศ.ดร.อนุสรณ์ เปิดเผยอีกว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยเป็นปัญหารุนแรงและยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นในเร็วๆ นี้ ความโปร่งใสและการจัดการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นจะดีขึ้นหากเรามีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีเสรีภาพของสื่อมวลชน วิชาการและการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์

ผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี พ.ศ.2556 ของ “Tran parency International” พบว่า ประเทศ ไทยได้ 35 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน อยู่อันดับที่ 102 จากการจัดอันดับทั้งหมด 177 ประเทศทั่วโลก เท่ากับ ประเทศเอกวาดอร์และปานามา และอยู่อันดับที่ 16 จาก 28 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งประเทศไทยยังคงมีคะแนนต่ำกว่าครึ่ง ไม่เคยมีประเทศใดสามารถก้าวพ้นกับดักประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศที่ได้มีรายได้ระดับปานกลางโดยที่มีดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นต่ำกว่า 5 หากแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นไม่ได้ย่อมไม่สามารถก้าวข้ามพ้นกับดักประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลางไปได้

การคอร์รัปชั่นในไทยมีหลายรูปแบบและมีนวัตกรรมพัฒนาขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายและการตรวจสอบ เช่น อยู่ในรูปเหมือนภาษี การรับสินบนในขบวนการหลีกเลี่ยงภาษี การโกงภาษีการจ่ายสินบนเพื่อให้ได้มาซึ่งการผูกขาดธุรกิจ หรือการผูกขาดหรือฮั้วกันในการประมูลโครงการ การเล่นพรรคเล่นพวก การซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการ การคอยรับใช้ส่วนตัวในแทบทุกเรื่องของผู้มีอำนาจโดยนักธุรกิจ การจัดสรรสัมปทานอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อเอื้อให้กับกลุ่มธุรกิจที่จ่ายเงินโดยรัฐเสียผลประโยชน์เสียค่าโง่และนำไปสู่การผูกขาดในกิจการต่างๆ ผู้นำหรือรัฐบาลคอร์รัปชั่นมากจะส่งเสริมให้คอร์รัปชั่นแพร่หลายในหมู่ข้าราชการ การคอร์รัปชั่นทางนโยบายที่ทำให้ทิศทางและพัฒนาการทางเศรษฐกิจเบี่ยงเบนไปจากที่ควรเป็น ปิดกั้นการลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ สรุปอีกว่า จากงานวิจัยของ Axel Dreher และ Thomas Herzfeld นักเศรษฐศาสตร์ชาวยุโรป พบว่า ดัชนีคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้น 1 ขั้นทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงประมาณ 0.13% และทำให้ผลิตภัณฑ์รายได้ประชาชาติต่อหัวลดลงประมาณ 425 ดอลลาร์ หรือทำให้ประชาชนโดยเฉลี่ยจนลงประมาณ 13,600 บาทต่อคน นอกจากนี้ งานวิจัยต่างๆ บ่งชี้ว่า ความรุนแรงของผลกระทบของคอร์รัปชั่นต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมรุนแรงขึ้นอีกเมื่อประเทศนั้นไม่ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรมและมีรัฐบาลอ่อนแอหรือใช้ระบอบอำนาจนิยมปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชน นอกจากนี้มันยังส่งผลกระทบทำให้การลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมายยุทธศาสตร์และไม่ส่งผลบวกระยะยาวต่อสาธารณชน ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นกว่าที่ควร

ผศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวเสนอแนะการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นตามแนวคิดเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมว่า 1.ต้องเปิดเสรี เพิ่มการแข่งขัน ลดการผูกขาดทางเศรษฐกิจและการเมือง 2.ผ่อนคลายกฎระเบียบ ลดการใช้อำนาจดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ 3.เพิ่มความโปร่งใสและการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนและนักลงทุน เพิ่มเสรีภาพสื่อมวลชนและเสรีภาพทางวิชาการ 4.เพิ่มอำนาจตรวจสอบถ่วงดุลในระบบ 5.เพิ่มการกระจายอำนาจ กระจายงบประมาณการคลังไปยังภูมิภาคและชุมชนต่างๆ พร้อมพัฒนากลไกตรวจสอบและควบคุมในพื้นที่ 6.บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด การกระทำผิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่มีอายุความ 7.การแปรรูปรัฐวิสาหกิจในกิจการที่เอกชนทำได้ดีกว่า และไม่ใช่การบริการพื้นฐานที่รัฐต้องดูแล 8.ร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศและนานาชาติในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น 9.ต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียงและระบอบธนาธิปไตย 10.ปรับเปลี่ยนทัศนคติ

ค่านิยมและวัฒนธรรมที่ยึดถือคุณธรรมจริยธรรม มีค่านิยมวัฒนธรรมแบบประชาธิปไตยแทนที่ ค่านิยมวัฒนธรรมในระบอบอุปถัมภ์เส้นสาย


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ