"อาดิดาส" ปล่อยรองเท้าวิ่งพันธุ์ใหม่ หวังเขี่ย "ไนกี้" เสียแชมป์โลกใน 5 ปี

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556



ตลาดเกือกโลกถึงคราวอึกทึกคึกคะนองน่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อค่ายอาดิดาส สัญชาติเยอรมัน เจ้าตำรับ "ไม่มีอะไร ที่เป็นไปไม่ได้" ใส่เกียร์เดินหน้าวิ่งเข้าชน พุ่งเข้าใส่เป้าหมายแบบเต็มสูบ

เป้าหมายสำคัญที่ค่ายอาดิดาส ซึ่งครองแชมป์ตลาดฟุตบอลและรองเท้าฟุตบอลของโลก หมายมั่นปั้นมือไขว่คว้ามาครอบครอง คือการโค่น "ไนกี้" เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแชมเปี้ยนโลกแทน ในตลาดรองเท้าวิ่ง

ทุกวันนี้ตลาดรองเท้าสำหรับการวิ่งทุกประเภท ทั้งทางไกล ทางใกล้ ซึ่งมีมูลค่ารวมกันทั้งโลกจำนวน 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 450,000 ล้านบาท เป็นมูลค่าตลาดที่มีการซื้อขายกันในสหรัฐอเมริการ้อยละ 40 หรือคิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภายใต้มูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของตลาดรองเท้าวิ่งในสหรัฐอเมริกา มีการจัดอันดับความเป็นเจ้าตลาด เอาไว้โดยมีค่ายไนกี้ สัญชาติอเมริกัน ครองตำแหน่งเจ้าตลาดอันดับ 1 ด้วยสัดส่วนสูงลิบลิ่วถึงร้อยละ 54

อันดับ 2 คือค่ายเอสิคส์คอร์ป อันดับ 3 คือ ค่ายบรุคส์สปอร์ตอิงค์ อันดับ 4 คือค่ายนิวบาลานซ์แอท เลติคชูอิงค์ อันดับ 5 คือ ค่ายรีบอค ขณะที่ค่ายอาดิดาส รั้งอันดับที่ 6 ด้วยส่วนแบ่งตลาดจิ๊บจ๊อยแค่ร้อยละ 4.4

ด้วยความขี้ริ้วขี้เหร่ของค่ายอาดิดาส ในตลาดรองเท้าวิ่งแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ "เฮอร์เบิร์ท ไฮเนอร์" ซีอีโอหนุ่มหล่อมาดเข้มของค่ายอาดิดาสทนไม่ได้ และสั่งระดมสรรพกำลังเปิดเกมรุกตลาดรองเท้าวิ่งในสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มที่

เหตุปัจจัยสำคัญที่ค่ายอาดิดาส หันมาใส่ใจกับตลาดรองเท้าวิ่ง เป็นเพราะว่าขนาดของโลกตลาดรองเท้าวิ่งใหญ่ โตมโหฬารกว่ารองเท้าฟุตบอลเกือบ 2 เท่าตัว ประกอบกับอัตราการเติบโตของตลาดรองเท้าวิ่งในสหรัฐอเมริกา ก็มีความน่าสนใจด้วยอัตราการเจริญเติบโตสูงถึงร้อยละ 8 เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่อัตราการเติบโตของรองเท้าฟุตบอลเตาะแตะต้วมเตี้ยมอยู่แค่ร้อยละ 0.5 เท่านั้นเอง

ประกาศิตซีอีโอค่ายอาดิดาส กดดันให้บรรดาทีมค้นคว้าวิจัยและพัฒนารองเท้าวิ่ง ขะมักเขม้นทุ่มเททำงานกันอย่างหนัก เพื่อสร้างรองเท้าวิ่งคู่เอกออกมาเอาใจนักวิ่งทั่วโลก

ในที่สุดทีมวิจัยค่ายอาดิดาส ก็ค้นพบเทคโนโลยีบูสท์ (Boost) ที่ใช้แคปซูลอัดอากาศทำหน้าที่เสมือนตัวดูดซับแรงกระแทก แทนแผ่นรองเท้าแบบเดิมๆ ซึ่งจะช่วยให้การวิ่งมีความคล่องตัวมากขึ้น และนักวิ่งใช้พลังงานในการวิ่งน้อยลง แต่ได้ระยะทางวิ่งมากขึ้น

ไฮเนอร์ ดูจะฝากความหวังอย่างมากไว้กับนวัตกรรม "บูสท์" อย่างยิ่ง และมั่นใจว่าเจ้านวัตกรรมตัวนี้จะช่วยทำให้ฝันของค่ายอาดิดาสในการก้าวขึ้นเป็นแชมเปี้ยนโลกในตลาดรองเท้าวิ่ง แซงหน้าไนกี้ได้อย่างแน่นอน ราวกับว่าไนกี้จะงอมืองอเท้าปล่อยให้อาดิดาสเปิดเกมรุกฝ่ายเดียวอย่างไงอย่างงั้น

ซีอีโอค่ายอาดิดาส สั่งเดินเครื่องผลิตรองเท้าวิ่งพันธุ์ใหม่ "อาดิดาสบูสท์" เต็มพิกัด และปล่อยอาละวาดในตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรกเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในระดับราคาคู่ละ 150 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,500 บาท

การปล่อยอาดิดาสบูสท์ออกอาละวาดในตลาดสหรัฐอเมริกา ต้องถือว่าค่ายอาดิดาส "จัดหนัก" และ "จัดเต็ม" เพื่อหวังไต่บันไดทองขึ้นเป็นเจ้าตลาดรองเท้าวิ่งในสหรัฐอเมริกาตามที่ใฝ่ฝันไว้ให้จงได้ ด้วยการวางสินค้ากระจายพรืดแบบปูพรมพร้อมกันในวันเดียว ผ่านเครือข่ายร้านค้าของอาดิดาสจำนวน 200 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา โดยมีผลตอบรับที่น่าชื่นใจอย่างยิ่ง

หลายร้านสามารถขายรองเท้าได้เกลี้ยง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3-4 วันหลังการวางจำหน่าย และต้องสั่งเพิ่มยอดเป็นการด่วน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

ปฏิกิริยาตอบรับที่ดีเยี่ยมในตลาดรองเท้าสหรัฐอเมริกา ทำให้เฮอร์เบิร์ท ไฮเนอร์ มั่นใจว่าอัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายรองเท้าวิ่งอาดิดาสในตลาดสหรัฐอเมริกาน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเกินกว่าร้อยละ 10 ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 ในรอบปีนี้ และคาดหมายว่าน่าจะทำยอดขายแซงหน้าไนกี้ไปได้ภายในไม่เกิน 5 ปี

หากฝันของค่ายอาดิดาสที่จะก้าวขึ้นเป็นแชมเปี้ยนโลก ในตลาดรองเท้าวิ่งภายในเวลา 5 ปีเป็นความจริง นั่นย่อมหมายความว่าภายในไม่เกินปี 2561 ค่ายไนกี้ต้องตกอันดับมาเป็นรองค่ายอาดิดาส


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ