กลับมาแล้วจ้า!!หลังจากทางสยามธุรกิจห่างหายจากการพาชมไร่ชมสวนเกษตรกันไปสักพักใหญ่ฉบับนี้กลับมาจัดหนักได้นำพาทุกท่านลงพื้นที่ จ.สกลนคร ที่เริ่มมีเศรษฐกิจการกษตร “อินทผาลัม”เพิ่มมากขึ้นซึ่งมีราคาขายที่เติบโตสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 800 บาทถือเป็นพื้นเกษตรที่สามารถสร้างเศรษฐกิจให้ชาติได้อีกทางที่สำคัญยังสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย

สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้เข้าไปพบเจ้าของสวนอินทผาลัมถึง 2 แห่ง ได้แก่ “ไร่วงศ์สว่าง” ของคุณจินดา อายุยืนและคุนธวัชชัย วงค์สว่าง และอีกที่คือ “ไร่ไออุ่น” ของ คุณสมจิตร ปะกินะเนย์ ซึ่งที่ 2 ไร่ดังกล่าวเข้าร่วม“โครงการช่วยเหลือสังคม ทดแทนคุณแผ่นดิน”ของหนังสือพิมพ์สยามธุรกิจเพื่อช่วยส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตห่างไกลจากสารเคมีอันตราย

*** อินทรีย์ช่วยเพิ่มรายได้ “ไร่วงศ์สว่าง” เกิน 1 แสนบาท ***

จินดา อายุยืน และคุนธวัชชัย วงค์สว่าง เจ้าของ “อินทผาลัม” ไร่วงศ์สว่าง ร่วมกันให้ข้อมูลว่า ได้ทำการปลูกอินทผาลัมพันธุ์บาฮีจำนวน 100 ต้น ณ บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยจะใช้วิธีการปลูกแบบอินทรีย์ 100% เพราะตั้งแต่รุ่นคุณพ่อได้แนะนำว่าจะต้องเน้นการใช้เกษตรอินทรีย์เพื่อความปลอดภัยซึ่งเราได้ทำการปลูกมา 4 ปี แล้วเพิ่งได้ผลผลิตเมื่อปีที่ผ่านมาแต่มีปัญหาคือลูกไม่สวย แตกลายงา แตกลึก ลูกไม่สมบูรณ์ ร่วงเยอะ ส่งผลให้เหลือขายได้แค่ครึ่งช่อแต่ก็ยังสามารถขายได้เกือบ 5 หมื่นบาทแต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเพราะน่าจะขายได้มากกว่านี้ดังนั้นจึงต้องหาวิธีให้ต้นอินทผาลัมแข็งแรงมีขั้วที่เหนียวขึ้นแต่ต้องเน้นการทำเกษตรอินทรีย์เช่นเดิมซึ่งถือเป็นช่วงที่โชคดีที่ได้รู้จักโครงการของสยามธุรกิจที่เน้นช่วยเหลือชาวเกษตรทำสวนอินทรีย์

“ที่ผ่านมาผลผลิตหายไปเกินครึ่งเพราะขั้นอินทผาลัมไม่แข็งแรง ลูกร่วงง่ายและผิวไม่สวย ทั้งนี้ยังมีปัญหาเรื่องลูกแตกลายงา แตกลึก ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด มาปีนี้เราได้เข้าร่วมโครงการสยามธุรกิจจึงหันมาใช้อินทรีย์สูตรสยามธุรกิจเต็มระบบแม้จะใช้มาได้แค่ 1 ปี แต่สามารถตอบโจทย์และสร้างรายได้ให้กับเราเพิ่มมากขึ้นจึงเชื่อว่าปีนี้จะมีรายได้เกินแสนบาทเพราะลูกสวย ผิวงาม เป็นที่ต้องการของตลาด นอกจากนี้ยังมีทางห้างสรรพสินค้ามารับซื้อในกิโลกรัมละ 500-600 บาท ดังนั้นจึงทำการสั่งซื้อล่วงหน้าไว้เลย 16 ตันเพื่อเอาไว้ใช้ในสวนแต่ถ้าหากเพื่อนๆชาวสวนอยากทดลองใช้ก็จะแบ่งขายให้ได้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวเกษตรด้วยกัน”

เจ้าของไร่วงศ์สว่าง ฝากทิ้งท้ายว่า อยากให้ชาวสวนหันมาใช้อินทรีย์มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราและผู้บริโภคและอยากแนะนำให้ลองมาใช้อินทรีย์สูตรสยามธุรกิจดูเพราะจากที่ได้ใช้แล้วได้ผลผลิตดีจริงจึงขอยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนใจไปใช้ยี่ห้ออีกแน่นอนเพราะแค่ปีเดียวก็ได้ผลผลิตที่ดีมากๆที่สำคัญยังปลอดสารเคมี 100% ด้วย อย่างไรก็ดีหากใครอยากเข้ามาชมสวนหรืออยากซื้ออินทผาลัมสามารถสอบถามมาได้ที่ 0623947965 และ 0956391978

*** “อินทผาลัม” ไร่ไออุ่น รายได้พุ่งเกิน 10 เท่า ***

ถัดมาอีกหนึ่งไร่อินทผาลัมจังหวัดสกลนครเช่นกันที่ คุณสมจิตร ปะกินะเนย์ เจ้าของ “อินทผาลัม” ไร่ไออุ่น กล่าวว่า หลังจากเกษียณอายุราชการมาแล้วก็ได้หันมาทำการเกษตร ณ อ.พังโคน จ.สกลนครโดยการปลูกอินทผาลัมจำนวน 100 ต้น ซึ่งอยู่ระหว่างรอเก็บผลผลิตจำนวน 60 ต้นโดยที่ผ่านมาได้ทดลองใช้ปุ๋ยทุกสูตรที่คิดว่าดีแต่ไม่ได้ดีดังคำโฆษณาแถมยังมีรายจ่ายที่สูงมากตกครั้งละหลายแสนทีเดียวแต่พอหันมาใช้อินทรีย์สูตรสยามธุรกิจแล้วมีรายจ่ายไม่ถึง 1 แสนเพราะใช้ต้นทุนไปเพียงแค่ 4-5 หมื่นบาทเท่านั้น

“การเข้าร่วมโครงการของสยามธุรกิจเพราะอยากทดลองใช้อินทรีย์ดูเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้บริโภคเมื่อใช้มาแล้ว 1 ปี ผลผลิตที่ได้สูงขึ้นเกิน 10 เท่า เนื่องจากเมื่อก่อนมี 4-5 ช่อต่อต้นตกช่อละประมาณ 3-5 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ประมาณ 350 บาทต่อกิโลกรัมแต่หลังใช้ได้ผลผลิตสูงสุดถึง 18 ช่อต่อต้น ตกช่อละประมาณ 10-15 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ประมาณ 700-800 บาทต่อกิโลกรัมแต่ถ้าซื้อหน้าสวนจะขายอยู่ที่ 500 บาทต่อกโลกรัมโดยสาเหตุที่เมื่อก่อนราคาตกเพราะรสชาติไม่ดีมีรสฟาดเยอะกว่าหวาน แต่ปัจจุบันรสชาติหวาน ผิวสวย ลูกสมบูรณ์เป็นที่ต้องการของตลาด”

สำหรับรายได้ที่คาดว่าจะได้ในปี 2563 นี้ จะอยู่ที่ต้นละ 1-2 หมื่นบาทถ้าขายได้ทั้งหมดจะมีรายได้อยู่ที่ 1.2 ล้านบาทแต่ยังไม่อยากวางเป้าไว้เยอะขอมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 4-5 แสนบาทก็พอส่วนปีที่ผ่านมามีรายได้แค่ 1-2 หมื่นบาทเท่านั้นเองและเมื่อเข้าร่วมโครงการฯสิ่งที่ได้มาก็คือผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้นเกิน 10 เท่า รายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าเช่นกันทางสวนยังได้ระบบนิเวศเพิ่มมาอีกด้วยเพราะบรรดาน้องๆไส้เดือนกลับมาสร้างคอนโดกันอยู่อย่างมากมายเห็นแล้วก็ปลื้มใจที่อินทรีย์สูตรสยามธุรกิจเป็นอินทรีย์แท้ 100% ที่ไม่ทำลายระบบนิเวศเหมือนตอนใช้เคมี

ดังนั้นจึงอยากชวนพี่น้องเกษตรกรอย่าใช้เคมีกับพื้นที่ที่ปลูกผลไม้หรือผักที่ทานสดอยากให้มาใช้อินทรีย์กันดูเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพตนเองและผู้บริโภคด้วย