ขณะนี้ผลไม้ภาคตะวันออกเริ่มให้ผลผลิตแล้ว โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานว่า ไม้ผล 4 ชนิดได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกองมีผลผลิตรวม 995,501ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีจำนวน 886,959 ตัน หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ12 โดย ทุเรียนให้ผลผลิต 550,035 ตัน เงาะ 210,637 ตัน มังคุด 212,345 ตัน และลองกอง 22,484 ตัน
ผลผลิตจะออกมากช่วงปลายเดือนเมษายนต่อเนื่องถึงกลางเดือนพฤษภาคม ขณะนี้ราคาผลไม้ต้นฤดูเกณฑ์สูง จุดรวบรวมหรือล้งปรับเปลี่ยนการรับซื้อผลผลิตทุเรียนแบบเหมาสวนเป็นการเหมาแบบตีราคาเดือนต่อเดือนซึ่งเดือนมีนาคมอยู่ที่130-155 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาเหมาล่วงหน้าเดือนเมษายนถึงวันที่ 10 พฤษภาคมอยู่ที่ 15-130 บาทต่อกิโลกรัมซึ่งเกษตรกรพึงพอใจ
ขณะนี้จีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ซึ่งนำเข้าผลไม้จากไทยมีสัญญานความต้องการทุเรียนและมังคุด แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังยืดเยื้ออยู่ส่งผลให้ระบบขนส่งและการนำสินค้าผ่านด่านศุลการกรของจีนยังไม่เป็นปกติ ตลาดต่างประเทศกำหนดเข้มเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าเกษตรเพิ่มเติมจากที่มีมาตรฐาน GAP และ GMP
โดยเน้นมาตรฐานตรวจรับรองการปลอดเชื้อของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ด้วยซึ่งสั่งการให้กรมวิชาการเกษตรเร่งดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งออก
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับการบริหารจัดการ กรณีที่การส่งออกลดลง โดยเน้นส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ จำหน่ายตรงกับผู้บริโภค จำหน่ายผ่านหน่วยงานราชการหรือวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ซื้อขายผ่านกลไกสหกรณ์การเกษตร รวมถึงตลาด Modern Trade ตลาดกลางสินค้าเกษตรต่างๆ และการซื้อขายผ่านระบบ online ตลอดจนแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าและยืดอายุสินค้าเกษตร ทั้งนี้กำหนดแนวทางส่งเสริมการบริโภคสินค้าเกษตรในประเทศซึ่งมีคุณภาพดีเยี่ยมภายใต้ คำขวัญ “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด”
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาชาวสวนผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
โดยเบื้องต้นที่ประชุมได้นำเสนอข้อมูลในภาพรวม เพื่อจะนำไปสู่การวางแผนอย่างละเอียดในรูปแบบคณะทำงานแต่ละเรื่อง ทั้งการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ทางอากาศ (เหมาลำการบินไทย) ทางบก ทางเรือ ไปจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศ อื่นๆ และตลาดในประเทศที่จะร่วมมือกับกิจการขนส่งออนไลน์ต่างๆ เช่น kerry grab ฯลฯ เพื่อกระจายผลไม้ให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง
นอกจากนี้ การทำ MOU ร่วมกันการจัดการขนส่งโลจีสติค ตั้งแต่ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ โดย ฟรุตบอร์ด (Fruit Board) จะพิจารณาให้ความเห็นชอบ โครงการ Hub FMS (Feed Management System) ทางบก น้ำ และแากาศ
โดยจะลงนามเพื่อการสร้างความร่วมมือกับการบินไทย:กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และสหกรณ์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับหน่วยงานเอกชนกับ กลุ่มกิจการ เอ็กซ์เพรส (Express) ที่นำส่งสินค้าสู่ผู้บริโภค และกลุ่มบริการ โลจีสติก จากสวนสู่โรงงาน
พร้อมเสนอให้การบินไทยพิจารณาลดราคาเช่าเหมาลำ รวมทั้ง การให้ทูตพาณิชย์/เกษตร รวมทั้ง Freight Forwarder หาสินค้าเที่ยวกลับ เพื่อแชร์ค่าเฟรต(Freight) ให้ต่ำลง เทียบกับ โคเรียนแอร์ อยู่ที่ราคา 65 บาทต่อเที่ยว แต่ การบินไทยอยู่ที่ 100 บาทต่อเที่ยว ยังมีส่วนต่าง อยู่ 35 บาท ที่ต้องหาทางออกต่อไป