ญี่ปุ่น หวังการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ปี 2020 กระตุ้นฟื้นตัวจากภาวะซบเซา เหมือนกับโตเกียวเกมส์ในปี 1964 ที่ช่วยให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวจากซากปรักหักพังทางเศรษฐกิจผลจากความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเมิน 7 ปี เงินสะพัด 3 ล้านล้านเยน โดยเฉพาะการท่องเที่ยว

นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น กล่าวหลังจากญี่ปุ่นได้รับการประกาศ ชื่อเป็นเจ้าภาพการแข่งกีฬาโอลิมปิกในปี 2020 ว่า การได้จัดแข่งขันกีฬาใหญ่สุดของ โลก จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด หลังเศรษฐกิจญี่ปุ่นซบเซามานานถึง 15 ปี จนชาวญี่ปุ่นสูญเสียความเชื่อมั่นในตน เอง และหวังว่านี่คือโอกาสที่ญี่ปุ่นจะเรียก คืนความเชื่อมั่นกลับคืนมา

โดยย้อนอดีตเมื่อญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งแรกเมือปี 1964 ถือเป็น การเปิดฉากการกลับมาของประเทศที่เศรษฐกิจเติบใหญ่ในเวลาต่อมา หลังจากพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่ง กลายเป็นเศรษฐกิจมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ สองของโลก จนกระทั่งหมดพลังลงเมื่อสิ้น ทศวรรษ 1980

"เศรษฐกิจญี่ปุ่นหยุดนิ่งมานาน 15 ปี จนชาวญี่ปุ่นเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง เขาหวังว่า การที่กรุงโตเกียวได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2020 จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้ง"

ในชัยชนะของนายอาเบะในการเลือก ตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2555 ได้จุดประกาย ความหวังเรื่องเศรษฐกิจฟื้นตัว จากแผน การเศรษฐกิจของเขาที่เรียกว่า "อาเบะ โนมิกส์" ขณะที่การได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก อีกครั้งน่าจะช่วยหนุนนำการฟื้นตัว และเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศที่เคยมีชื่อเสียงเรื่องความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วย

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ญี่ปุ่นจะได้อานิสงส์จากการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ในอีก 7 ปีข้างหน้า โดย นายฮิเดยูกิ อิชิกุโระ นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทหลักทรัพย์โอกาซัง ซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดเกี่ยวกับโอลิมปิก 2020 คือการ ลดความเสี่ยงที่จะอาเบะโนมิกส์จะล้มเหลว กลางคัน โดยรัฐบาลกรุงโตเกียวประเมินว่าการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกจะทำให้มีเม็ดเงินใช้จ่ายในช่วง 7 ปีถึงปี 2020 เป็นจำนวนประมาณ 3 ล้านล้านเยน (ประมาณ 960,000 ล้านบาท) ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (จีดีพี) หรือเกือบ 1% ของ จีดีพี แต่ญี่ปุ่นก็ไม่ต้องพัฒนาสาธารณูปโภค ใหม่ รวมทั้งถนนและโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมอื่นๆ ในมหานครโตเกียว หรือแผนซ่อมบำรุงและสร้างสาธารณูปโภคใหม่ทั่วประเทศ และผลกระทบทางเศรษฐกิจ ที่แท้จริงของโตเกียว 2020 จะไม่มากเท่า กับครั้งเป็นเจ้าภาพในปี 1964 เนื่องจากญี่ปุ่นจำเป็นต้องจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งหมด รวมทั้งโครงข่ายรถไฟหัวกระสุน

ด้าน นายเออิจิ คิโนอุชิ นักวิเคราะห์ จากไดวา ซีเคียวริตีส์ คาดว่าผลกระทบจากโอลิมปิก 2020 จะมีประมาณ 150 ล้าน ล้านเยน (ประมาณ 48 ล้านล้านบาท) ประกอบด้วยการลงทุน 55 ล้านล้านเยน และรายได้จากการท่องเที่ยว 95 ล้านล้านเยน โดยการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกจะช่วยให้แผนการของญี่ปุ่นที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสองเท่าภายในปี 2020 ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

ขณะที่ นายโยชิกิโย ชิมามิเนะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัยได-อิจิ ไลฟ์ กล่าวว่า หากการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 ประสบความสำเร็จในทุกด้าน จะสร้างความประทับใจให้โลกด้วยภาพลักษณ์ ของญี่ปุ่นที่กลับคืนมาหลังจากเศรษฐกิจซบเซามาเกือบ 20 ปี

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติคลื่นยักษ์ สึนามิถล่มเมื่อปี 2554 ส่งผลให้เกิดวิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ทำให้นักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นลดลง แต่ก็เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นแล้ว ส่วนหนึ่งจากเยนอ่อนค่า แต่ผลกระทบยังคงมีอยู่หลังจากมีการเปิด เผยว่ายังมีการรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสี