เกษตรฯ หนุนปลูกข้าวโพดหลังนา นำร่องอุตรดิตถ์-พิษณุโลก 6 พันไร่

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561

เกษตรฯ หนุนปลูกข้าวโพดหลังนา นำร่องอุตรดิตถ์-พิษณุโลก 6 พันไร่


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการ “Kick Off การส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาของสหกรณ์” ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมี นายเสถียรพงศ์ มากศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ และ นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้การต้อนรับ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูการทำนา เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เพียงพอกับความต้องการของประเทศ และต้องการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวให้มีรายได้ที่มั่นคง

โดยปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกข้าวเป็นการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ที่ตลาดต้องการและให้ผลตอบแทนสูง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำ ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นพืชทางเลือกที่ใช้น้ำน้อย แนวโน้มตลาดมีความต้องการสูง โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้แก่เกษตรกรจำนวน 10 ราย จากนั้นเยี่ยมชมแปลงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อชมการสาธิตการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ของสมาชิกสหกรณ์

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีนโยบายในการส่งเสริมการปลูกพืชหลังนา ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และพืชอื่นๆ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จึงได้คัดเลือกพื้นที่ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นพื้นที่เป้าหมายนำร่อง จำนวน 6,000 ไร่ สมาชิก 415 คน เป็นสมาชิกสหกรณ์ จำนวน 4 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านโรงหม้อ จำกัด สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านโคกหม้อ จำกัด และสหกรณ์การเกษตรพิชัย จำกัด และพื้นที่ในจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 1 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด

“นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลพี่น้องเกษตรกรทั้งประเทศกว่า 24 ล้านคน อย่างเป็นระบบ และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด โดยเฉพาะข้าว ที่ปลูกกันเป็นจำนวนมาก โดยให้หาทางเลือกในการปลูกพืชชนิดอื่น จึงนำมาสู่การส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นำร่องในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์และพิษณุโลก เพราะสภาพพื้นที่มีความเหมาะสม โดยให้ดำเนินการผ่านกลไกสหกรณ์ เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการเจรจาทำสัญญากับเอกชนอย่างรอบคอบ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานกับซีพี และเบทาโกรไว้ในการเข้ามารับซื้อข้าวโพดที่ได้มาตรฐานจากสหกรณ์ โดยความชื้นไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ เกษตรกรจะขายได้ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5 บาท แต่หากความชื้นอยู่ที่ 14.5 ราคาอยู่ที่ 8 บาทต่อกิโลกรัม และหากพื้นที่นำร่องนี้ประสบผลสำเร็จ จะสามารถนำไปขยายผลต่อได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯอยู่ระหว่างการทำประกันพืชผลการเกษตรให้แก่เกษตรกร แต่อยู่ระหว่างการดำเนินการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการ สหกรณ์จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ส่งเสริมการผลิต การดูแลพื้นที่เพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การรวบรวมผลผลิต ตลอดจนจัดหาตลาดมารองรับผลผลิตของสมาชิกเกษตรกร ในลักษณะเชื่อมโยงเครือข่าย มีการบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันบริหารจัดการสินค้าข้าวโพดแบบครบวงจร โดยมีระยะเวลาดำเนินการเริ่มตั้งแต่ เดือนสิงหาคม 2561 เป็นต้นไป และหากได้ผลดีเกษตรกรมีรายได้สูงกว่าการทำนา จะมีการส่งเสริมและขยายพื้นที่การเพาะปลูกพืชหลังนาเพิ่มขึ้นในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ