นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับความงามและสุขภาพ ภายใต้แบรนด์บูม ใช้งบประมาณในการลงทุนทั้งสิ้น250ล้านบาท ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาดความงาม และสุขภาพ ที่มีมูลค่าตลาดรวมปีตลาดรวมปี2561 ประมาณ4 แสนล้านบาท โดยจะส่งอาหารเสริมสำหรับผิว เจาะตลาดระดับกลาง กลุ่มวัยรุ่น คนวัยทำงาน
โดยแผนการตลาดจะเน้นผ่านตัวแทนจำหน่าย ทั้งประเทศ ที่ขณะนี้มีตัวแทนจำหน่ายแล้วกว่า 1,000 ราย แต่จะเน้นให้ตัวแทนจำหน่ายขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ มากเป็นพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากกว่าช่องทางออฟไลน์
นอกจากนี้ ยังมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ สปป.ลาว เมียนมาร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ผ่านตัวแทนจำหน่ายเช่นกัน โดยสร้างจุดแข็งของแบรนด์ คือ เป็นสินค้าที่คุณภาพดี ผ่านมาตรฐานอย. และอื่นๆ ปลอดภัยกับผู้บริโภค ที่สำคัญคือจะมีทีมค่อยทำการตลาดให้ครบวงจร
ทั้งนี้ ปลายเดือนสิงหาคมนี้ จะทยอยส่งสินค้าให้ตัวแทนจำหน่ายได้ทั้งในและต่างประเทศ ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า5แสนกล่อง คาดว่าจนถึงสิ้นปีบริษัทจะมีรายได้ประมาณ500 ล้านบาท โดยในปี2562 อาจจะทะลุถึง1,000 ล้านบาท จากการที่ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นผลมาจากปัจจัยบวกคนหันมาใส่สุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะสุขภาพผิวพรรณ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับมาแล้ว หลังที่มีการตรวจจับสินค้าบางแบรนด์ แล้วทำให้ตลาดอาหารเสริมชะลอตัวไปพักหนึ่ง
“เชื่อว่าวงการอาหารเสริมจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง และเชื่อว่าแบรนด์ที่ทำดี มีมาตรฐาน ปลอดภัย จะอยู่ได้อย่างยั่งยืน ส่วนแบรนด์ขนาดเล็กที่สายป่านสั้น งบลงทุนน้อย และผลิตไม่ได้มาตรฐาน ก็จะปิดกิจการมากยิ่งขึ้นในปีหน้า โชคดีที่ตัวผมเองทำงานอยู่ในวงการอาหารเสริมมานาน จึงได้เปรียบด้านการผลิต และการทำตาด รวมถึงเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย อีกด้วย ในส่วนสินค้าของเราก็จะใช้วัตถุดิบนำเข้าจากหลากประเทศ กว่า30 ชนิด ว่าจ้างให้โรงงานที่มีมาตรฐานในการผลิต”
อย่างไรก็ตาม งบการตลาดจะเตรียมไว้ประมาณ 100 ล้านบาท จะแบ่งเป็นทั้งการตลาดออนไลน์ และใช้พรีเซ็ตเตอร์เป็นดาราดังที่มีบุคคลิกภาพเหมาะกับแบรนด์ สำหรับสถานการณ์ ด้านการตลาดทุกวันนี้ยังคงมีการแข่งขันสูงขึ้น มีแบรนด์เกิดใหม่จำนวนมาก ส่วนใหญ่จะแข่งขันกันที่คุณภาพของสินค้า มาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงแข่งขันกันในด้านการใช้พรีเซ็นเตอร์ ที่เป็นคนดัง และมีชื่อเสียง
นายวรัตน์พล กล่าวต่อว่า หลังจากที่ประเดิมผลิตภัณฑ์ ตัวแรกออกสู่ตลาดแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานจะติดตลาดอย่างแน่นอน จากนั้นจากออกผลิตภัณฑ์ใหม่เรื่อยๆ ให้มีความหลากหลาย เช่น กลุ่มคอสเมติก และอื่นๆอีกด้วย