บริษัท เฮลท์ธอรี่ จำกัดทุ่มงบกว่า 30 ล้าน เปิดตัว อาหารเสริมคอลลาเจน แบรนด์ “VIERA I AM COLLAGEN” ดึง 2 คู่รักดาราสุดฮอตแห่งวงการบันเทิง เวียร์ ศุกลวัฒน์ – เบลล่า แคมเปญ เป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กันครั้งแรก สุดฮอตยอดขายเดือนแรกทะลุ1 แสนกล่อง ลุยทำตลาดแบบผสมผ่านดีลเลอร์และออนไลน์เต็มสูบ ภายใต้คอนเซ็ปต์สินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อความยั่งยืนของตัวแทนและบริษัท กินแบ่งไม่กินรวบ ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ยอดขาย 690 ล้าน  พร้อมเตรียมสยายปีกรุกเข้าสู่ตลาดโซนเอเซีย

นาง เบญจกัญญ์ พิจิตรพงศ์ชัย กรรมการผู้บริหาร บริษัท เฮลท์ธอรี่ จำกัด ผู้ผลิตภัณฑ์และจัดจำหน่ายอาหารเสริมคอลลาเจนภายใต้แบรนด์ “VIERA I AM COLLAGEN” (วีร่า  ไอ เอม คอลลาเจน) กล่าวว่า  หลังจากได้เกิดเหตุการณ์กับลูกสาวที่ได้ไปลองซื้อยาลดน้ำหนักทานเองผ่านทางออนไลน์จนเกิดทำให้มีอาการช็อค ไม่มีแรงจนต้องนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งทำให้เราเห็นถึงปัญหาตรงนี้ว่าการที่มีผู้ผลิตยาหรืออาหารเสริมที่ไม่ปลอดภัยสามารถขายได้อย่างอิสระผ่านทางช่องทางออนไลน์แบบนี้เป็นสิ่งที่ส่งผลอันตรายอย่างมากสำหรับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น วัยรุ่น หรือคนอยากผอม  ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าโทษของการสั่งซื้อยาหรืออาหารเสริมที่ไม่ได้คุณภาพ และ มาตรฐาน จะส่งผลที่ร้ายแรงอย่างไรต่อสุขภาพของตนเอง

ดังนั้น สาเหตุดังกล่าวจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากสร้างผลิตภัณฑ์ดีๆ ของคนไทยที่ปลอดภัย มีคุณภาพ ได้มาตรฐานเหมือนประเทศอเมริกาและยุโรป ให้กับสำหรับผู้บริโภคคนไทยที่รักสวยรักงาม เราจึงได้วางงบลงทุนไว้ราวกว่า 30 ล้านบาท ในการคิดค้นสูตรพัฒนาวิจัยและในการทำการตลาดจน เมือเดือนที่ผ่านมาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารผิวคอลลาเจนภายใต้แบรนด์ “VIERA I AM COLLAGEN” อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่ามีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นสารอาหารที่มาจากธรรมชาติ โดยมีผลงานวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นรองรับว่าเป็นคอลลาเจนที่ดีที่สุดในโลก ผลิตจาก Wellnex Collagen Peptide มีส่วนผสมของ ซีบัคธอร์น, red orange และ DL-alpha(olive oil) สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมผิวหนัง ทำให้ผิวกระจ่างใส อ่อนเยาว์วัย ประกอบกับช่วยรักษาสุขภาพในเรื่อง ข้อต่อ ไขข้อ น้ำในข้อเป็นต้น เจาะกลุ่มคนทุกเพศทุกวันที่รักสุขภาพอายุตั้งแต่ 18 ปี จนถึง 65 ปีขึ้นไป  พร้อมนำ 2 คู่รักดารา สุดฮอตแห่งวงการบันเทิง เวียร์- ศุกลวัฒน์  คณารศ และเบลล่า ราณี  มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กันเป็นครั้งแรกเพื่อช่วยเป็นเสมือนตัวแทนในการสื่อสารและสร้างการรับรู้ของแบรนด์ไปยังผู้บริโภคให้รับรู้ในวงกว้างได้มากขึ้น

“แม้ว่าตลาดอาหารเสริมคอลลาเจนในประเทศไทยปัจจุบันจะมีการแข่งขันที่สูงมาก เพราะมีหลากหลายแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาทำตลาดกันจำนวนมาก แต่เราเห็นว่าจากมูลค่าตลาดเสริมราว 38,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10-20 % ต่อเนื่องทุกปี  แบ่งเป็นอาหารเสริมคอลลาเจนประมาณ 5,000 ล้านบาท และอาหารเสริมอื่นๆ  ราว  33,000 ล้านบาทก็ยังถือว่าตลาดนี้ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เราจำต้องคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้มีความโดดเด่น และแตกต่าง ใช้วัตถุดิบที่คุณภาพจากต่างประเทศได้มาตรฐานระดับโลกแต่ในราคาที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ โดยเราจำหน่ายปลีกในราคา 690 บาทจึงทำให้เรามองว่ายังมีช่องว่างทางการตลาดที่น่าสนใจในการเข้ามาลองทำอยู่มาก”

ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า  สำหรับแผนการตลาดสิ่งแรกที่เราคิดคือคุณภาพสินค้า และการทำการตลาดแบบยั่งยืนไม่ตีหัวเข้าบ้าน ไม่ใช่โกยแล้วหายและเปิดสินค้าอื่นขึ้นมาใหม่ เราเน้นที่จะดูแลตัวแทนให้มีความมั่นคงยั่งยืน มีการเปิดอบรมการขายสร้างนักขายที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนที่ดีเรากินแบ่งไม่กินรวบ ทุกคนที่ให้ความไว้วางใจร่วมงานกับวีร่าเราจะโตไปด้วยกันแบบยั่งยืน โดยทางบริษัทจะทำการตลาดแบบเก่าและแบบใหม่ผสมกัน คือ ทำตลาดผ่านดีลเลอร์และการตลาดผ่านออนไลน์  ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าหลัก โดยการเอาข้อดีของทั้งสองอย่างมารวมกัน เพราะเราก็ยังเชื่อว่าการตลาดยุคเก่าอย่างดีเลอร์ยังมีข้อดี ส่วนปัจจุบันการตลาดใหม่อย่างออนไลน์ก็มีข้อดี และเราเองก็ถนัดทั้งสองด้าน ก็เลยนำเอาทั้งสองอย่างมาผนึกรวมกัน  โดยเราตั้งเป้าว่าจะมีดีลเลอร์ในไทยประมาณ 15 รายเท่านั้น เพราะในอนาคตเรามองว่าจะขยายตลาดไปยังโซนเอเชียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ที่ประเทศ ญี่ปุ่น , จีน อินโดฯ ออสเตรเลีย ,ลาว , เวียดนาม ,กัมพูชา และ พม่าเป็นต้น

ทั้งนี้  ไตรมาสที่ 2 ปีนี้ จะขยายสินค้าไปจำหน่ายที่ประเทศเพื่อนบ้านได้แก่ ลาว เวียดนาม และ กัมพูชาขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวางระบบจำหน่ายในประเทศดังกล่าวพร้อมกันนี้ยังจะออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ เกี่ยวกับอาหารเสริมลดน้ำหนักประเภทไฟเบอร์ ใช้สารสกัดจากธรรมชาติช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ปรับสมดุล ปรับแร่ธาตุเพื่อสุขภาพมาทำตลาดเพิ่มอีก 1 ตัวในช่วงไตรมาสที่ 2-3ของปีนี้

“ เราได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์วีร่าไปแล้วในช่วง 1 เดือนแรกที่วางจำหน่ายเราสามารถทำยอดขายไปได้แล้ว 100,000 กล่อง โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ราว 690 ล้าน ”