นาย ทาคายูกิ คูชิดะ ประธานบริษัท โอซูก้านิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัท โอซูก้าฟาร์มาซูติคอล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์รายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นและมีบริษัทในเครืออยู่ทั่วโลก ได้เล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตของสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในประเทศไทยจึงได้ก่อตั้งบริษัท โอซูก้านิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้น ด้วยทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท โอซูก้าฟาร์มาซูติคอล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น90% บริษัท ไทยโอซูก้า จำกัด5%บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)2.5% และบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) 2.5%
สำหรับกลุ่มโอซูก้ามีเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยใช้นวัตกรรมด้านยาและเวชภัณฑ์มาช่วยพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและส่งเสริมสุขภาพของผู้คนทั่วโลกให้ดีชึ้น ซึ่งการก่อตั้งบริษัท โอซูก้านิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัดก็เพื่อขยายตลาดสินค้าในกลุ่มนิวทราซูติคอลจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสุขภาพของคนไทยให้ดีขึ้น โดยเรามีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดในประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์แรกที่ได้ส่งลงตลาด คือ โพคารี่สเวท
ผู้บริหารกล่าวต่อว่า สำหรับโพคารี่สเวทนับเป็นเครื่องดื่มที่มีองค์ประกอบใกล้เคียงกับของเหลวในร่างกาย ซึ่งร่างกายสามารถสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วสามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์คนที่รักสุขภาพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักอายุ 25-44 ปี รักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย ใส่ใจตัวเองและคนรอบข้าง และมองหาทางเลือกใหม่ให้ตัวเอง สำหรับแบรนด์โพคารี่สเวทเริ่มขายในไทยมานานกว่า 19 ปีแล้ว โดยอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท โคเบย่า ซึ่งเป็นบริษัทของญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในไทยเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่ทำเฉพาะช่องทางที่เป็นซูเปอร์มาร์เกตญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี
ขณะที่การเข้ามาก่อตั้งบริษัทใหม่นี้ เพื่อเป็นการขยายตลาดซึ่งบริษัทฯ จะเป็นผู้ดำเนินการด้านการตลาดเองให้มีความเข้มข้นกว่าที่ผ่านมา โดยแต่งตั้งให้บริษัทกลุ่มสหพัฒน์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นด้วย เป็นดิสทริบิวเตอร์อีกรายรับผิดชอบช่องทางที่เป็นร้านค้าปลีกของไทยเท่านั้น แยกจากบริษัทโคเบย่า
ทั้งนี้ สำหรับตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ในประเทศไทยในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 2,173 ล้านบาท โดยปี 2560 นี้โพคารี่สเวทมียอดขายเติบโตสวนกระแสตลาด เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 30% และปีนี้บริษัทฯ ยังใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาทในการทำตลาด นอกจากนี้ ยังมีการแจกสินค้าตัวอย่างเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ รวมทั้งสร้างความเข้าใจและประสบการณ์ที่ดีเกี่ยวกับสินค้าไปยังผู้บริโภคด้วย