การปรับประมาณการกำไรของกลุ่มธนาคารเริ่มแล้วหลังจาก กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ผลกระทบที่เห็นคือ ลดดอกเบี้ย เงินกู้มากกว่าลดดอกเบี้ยเงินฝาก ดังนั้น ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) จะลดลง ซึ่งผลลบตรงนี้มีมากกว่าการปรับการเติบโตของเงินกู้ลงอีก

อีกทั้งความเสี่ยงเพิ่มเติมคือ NPLs และการ de-rate valuation ลง

ขณะที่ Goldman Sachs ออกเปเปอร์ เปรียบเทียบเรื่อง valuation ของธนาคารกับความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเมื่อดูย้อนหลังไปถึง 2 ความขัดแย้งที่ผ่านมา กลุ่มธนาคารจะลงไปเทรดกันที่ PBV 1.2-1.3 เท่า เทียบกับตอนนี้ ที่ 1.5 เท่า แปลว่า มี downside อยู่ หากเทียบกับปี 2010

BBL (146) KBANK (150) KTB (15.3) SCB (131) นี่คือราคาเมื่อเทียบกับ PBV เท่ากับปี 2010-ระดับ bid รอ !!!

TMB อาจจะเจอโรคเลื่อนจากการเมือง ดีลอาจจะถูกกดราคา แต่รับหลัก 2.36 น่าซื้อเหมือนกันสำหรับคนพลาดรอบที่แล้ว

ส่วนตลาดหุ้นตัวหลักๆ แม้สถิติย้อนหลังในเดือนธันวาคมจะสวยหรู ทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ 3% กว่าๆ ใน 9 ปีย้อนหลัง (ลงแค่ 1/9 ปี) ฝรั่งขาย 7 ใน 9 ปี และกองทุน ซื้อ 7 ใน 9 ปี แต่ปีนี้ ถ้าจะหวัง 3% ตลาดอาจจะจบที่ 1,410 จุด ความเสี่ยงที่เพิ่มของปีนี้คือ เม็ดเงินในตลาดหายไปประมาณ 150,000ล้านบาทในช่วงปีที่ผ่านมาจากพวก property และ infra-fund

หุ้นกลุ่มเดินเรือ ดูน่าสนใจแปลกๆ เพราะค่าระวางเรือขึ้นเอาๆ โดยไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่เลขที่ชัดคือ ค่าระวางเรือ ขึ้นมาแล้ว 200% ตั้งแต่ต้นปี TTA PSL "ควรจะ" ได้ประโยชน์ด้วย

บาทอ่อนยวบ 32 กว่าๆ /ดอลลาร์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้ประโยชน์ แต่ถ้าถามว่าชอบ SVI ปีหน้าโตดี มีเงินประกันเข้า เทคนิคสวย

โดยสรุปจากอดีต เดือนธันวาคมหุ้นขึ้น เดือนมกราคมทำกำไรบ้าง เดือนกุมภาพันธ์ขึ้นต่อ ขอย้ำว่า เป็นข้อมูลจากอดีตนะครับ

หมายเหตุ : คอลัมน์นี้ได้ใช้เนื้อหาและข่าวสารที่หาได้ทั่วไปมาประกอบ ความคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ มิได้มีเจตนาชี้นำใดๆ การลงทุนที่ดีควรจะเหมาะสมกับพฤติกรรมและผลตอบแทนที่คาดหวังของผู้ลงทุนเอง จึงหวังว่าเนื้อหาต่างๆ ที่นำมาให้อ่านจะได้เป็นภาพจิ๊กซอว์ ประกอบภาพรวมการลงทุนของท่านทั้งหลายให้มีข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้นสอบถามข้อมูล-ส่งความคิดเห็นได้ที่ email : call_hoon@hotmail.com ครับ นายจริงใจจะพยายาม Update ข้อมูลให้ทุกระยะนะครับ