นายเจฟฟ์ แบสคอน ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ฝ่ายต่างประเทศ บริษัทโกลเด้นท์ เอบีซี อิงค์ ประเทศฟิลิปปินส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ “เพ็นช็อป” กล่าวว่า แบรนด์เพ็นช็อปถือเป็นแบรนด์ระดับ Global ที่มีสาขามากมายกระจายทั่วเอเชียและตะวันออกกลางโดยปัจจุบันมีสาขาประมาณ 800 แห่ง อาทิ ซาอุดิอาระเบียบาห์เรน ,UAE , อินโดนีเซีย , กัมพูชา , พม่าและเวียดนาม อีกทั้งยังมีการ เปิดให้บริการออนไลน์ในฮ่องกงไต้หวันสิงคโปร์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย อีกด้วย ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายในการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเนื่องจากเราเล็งเห็นว่าเป็นตลาดใหญ่และมีความสำคัญมากเพราะมีการเติบโตค่อนข้างสูง อีกทั้งคนไทยมีความชื่นชอบในการตามกระแสแฟชั่น ทั้งยังเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ เป็นจำนวนมาก เราจึงมองว่าการเข้ามาทำตลาดแบรนด์แฟชั่นในเมืองไทยน่าจะมีโอกาสที่ดี
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะเปิดสาขาในประเทศไทยอีกอย่างน้อย 4-5 สาขา โดยได้วางแผนร่วมกับ เจ้าของพื้นที่อีกหลายโครงการที่จะลุยตลาดในประเทศไทยและวางแผนจะขยายเปิดสาขาในทุกๆปี ปีละประมาณ 8-10 สาขา ซึ่งเราจะมุ่งเน้นในเรื่องของความคุ้มค่าทั้งคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าถึง 20-30% ซึ่งเราเชื่อว่าธุรกิจเสื้อผ้า แบรนด์เพ็นช็อปจะเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีปีละราว 20%ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งล่าสุดเราได้เปิดตัวร้านนี้สาขาแรกที่ เซ็นทรัลพลาซาเวสท์เกตเป็นแห่งแรกในประเทศไทย
ด้าน นายสินรันปาล มันจันดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรินิตี้กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าและสินค้าวัยรุ่นสไตล์ฟาสต์แฟชั่นภายใต้แบรนด์ “เพ็นช็อป” (Penshoppe) โกลบอลแบรนด์ระดับเอเชียจากประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด บริษัทได้ทุ่มงบฯ ลงทุนราว 5 ล้านบาท เปิดสาขาร้าน “เพ็นช็อป” สาขาแรกที่ชั้น 1 เซ็นทรัล เวสต์เกต บนพื้นที่ 280 ตร.ม. จับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้นทั้งชายและหญิงที่มีอายุ 18-25 ปี เน้นตลาดระดับกลางด้วยการนำเสนอสินค้าคุณภาพดีในระดับราคาต่ำกว่าคู่แข่ง 20-30% โดยภายในปี 2560 มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 3-4 สาขา เน้นพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าทั้งในเขตตัวเมืองและชานเมืองโดยกำหนดพื้นที่ขั้นต่ำ 150 ตร.ม.ขึ้นไป จากนั้นตั้งแต่ปี 2561 ตั้งเป้าหมายขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดปีละ 8-10 สาขา โดยคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 20%
สำหรับการสร้างแบรนด์ในช่วงแรกบริษัทฯ จะเน้นการสร้างแบรนด์สู่ผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยกำลังพิจารณาคัดเลือกผู้ที่จะมาทำหน้าที่เอ็นดอสเซอร์ (Endorser) เพื่อนำเสนอสินค้าสู่ผู้บริโภค พร้อมเตรียมขยายช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ เช่น www.looksi.com ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
“ ตั้งแต่เปิดร้านอย่างไม่เป็นทางการในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาพบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายถึง 70-80% โดยมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในช่วงวันธรรมดาประมาณ 200 คนต่อวัน และประมาณ 500 คนในช่วงวันหยุด พร้อมมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 1.5-2 พันบาทต่อคนต่อครั้ง โดยสินค้าที่ขายดี ได้แก่ กลุ่มยีนส์ เสื้อผ้า และน้ำหอม”