Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 15 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
การเงิน-ธนาคาร
8 กลยุทธ์บริหารเงินเพื่อการศึกษาบุตร!
8 กลยุทธ์บริหารเงินเพื่อการศึกษาบุตร!
วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557
Tweet
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทาง MoneyGuru ได้เสนอเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการออมของคนไทยมาเเล้ว สำหรับสัปดาห์นี้ เรามีบทความเกี่ยวกับการบริหารการเงินมาฝากอีกเช่นกัน แต่เป็นกลยุทธ์การบริหารการเงินสำหรับบรรดาผู้ปกครอง ที่กำลังมีบุตรหลาน หรือมีบุตรหลานในวัยเรียน เพื่อใช้ในการศึกษาต่อไปในอนาคต โดยบทความนี้ผู้เขียนเห็นว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ สืบเนื่องจากผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ดที่ชี้ว่า ครอบครัวของคนไทยมีสัดส่วนการออมเงินเพื่อการศึกษาของลูกสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทาง MoneyGuru จึงขอเสนอ 8 กลยุทธ์ในการบริหารการเงินเพื่อการศึกษาให้เกิดผลดีและคุ้มค่าที่สุด
1. ถามตัวเองก่อนว่า ต้องการอะไรให้กับลูก : ลองถามกับตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกเลยว่า อะไรคือสิ่งที่เราอยากให้ลูกของเรา บางรายอาจมองว่า การให้ลูกมีความสุขที่สุด คืออันดับเเรก จึงตามใจด้วยการซื้อของเล่น ซื้อของต่างๆนานาให้ตั้งแต่เด็ก แต่ขณะเดียวกันพ่อแม่อีกไม่น้อยสอนให้ลูกรู้จักค่าของเงินและการออมเพื่อการศึกษาในอนาคต โดยชี้ให้เห็นความสำคัญของการศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่พ่อแม่ในกลุ่มนี้จะเริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชีออมทรัพย์ให้ลูกน้อยนั่นเอง
2. พิจารณาสิ่งที่ลูกน้อยต้องการในทุกๆ ปีของการเติบโต เพื่อการใช้จ่ายที่คุ้มค่า : พ่อแม่ในยุคปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะทำงานไปด้วยทั้งนั้น ด้วยค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกๆ ปี ทำให้ในหลายๆ กรณีพ่อหรือแม่ไม่สามารถลาออกมาเลี้ยงดูบุตรได้ ดังนั้น สถานเลี้ยงเด็กในช่วงกลางวัน หรือ โรงเรียนเตรียมอนุบาล จึงเป็นที่นิยมมากขึ้น และมีราคาที่ค่อนข้างสูง คุณผู้ปกครองจึงควรสำรวจดูให้ดีว่า ที่ไหนดีและคุ้มค่ากับราคาที่สุด
3. คุยกับฝ่ายบุคคลของที่ทำงาน อาจจะมีกองทุนเพื่อการศึกษาบุตรของพนักงานก็เป็นได้ : การทำงานกับบางบริษัทเอกชน และการเป็นข้าราชการ คุณสามารถเบิกค่าเล่าเรียนบางส่วน หรือทั้งหมดของค่าเทอมของบุตรได้ เพราะฉะนั้น อย่าเพิกเฉยผลประโยชน์ที่คุณควรได้รับ ศึกษากฏระเบียบของผลประโยชน์ดังกล่าวจากฝ่ายบุคคลของคุณ อย่างน้อยคุณก็มีเงินเหลือเพิ่มเพื่ออนาคต หรืออาจเอาส่วนตรงนี้ไปให้ลูกเรียนพิเศษเพิ่มเติมก็ได้ ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ เด็กเรียนพิเศษกันมากจนแทบจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นเลยทีเดียว
4. เตรียมการอนาคตของลูกหลังอายุ 18 ปี : พูดคุยกับลูกของคุณว่าเขาอยากเรียนอะไร ให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษา เพราะในแต่ละสายงานสายอาชีพ ค่าใช้จ่ายในการเรียนแตกต่างกัน การที่คุณรู้จุดมุ่งหมายแต่เนิ่นๆ จะทำให้คุณวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น
5. อย่าจำกัดทางเลือกการศึกษาแค่ในประเทศ : การศึกษาในต่างประเทศไม่จำเป็นว่าจะถูกที่สุดเสมอไป เพราะบางทีคุณอาจจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่ขณะเดียวกันกลับได้ประโยชน์มากกว่าหลายเท่า เพราะฉะนั้น อย่าจำกัดตัวเลือกให้กับลูกของคุณ ตัวอย่างเช่น การเรียนมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนแบบสองภาษา หรือแบบนานาชาติล้วนในประเทศ อาจมีค่าใช้จ่ายไม่ต่างมากนักกับการเรียนในต่างประเทศที่ลูกของคุณอาจจะได้ประโยชน์มากขึ้น อาทิ อินเดีย หรือ ประเทศในแถบยุโรป อย่าง ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าเทอมที่ไม่แพงเกินจริง แต่คุณภาพสูง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีทุนการศึกษาของรัฐบาลในหลายๆ ประเทศจำนวนมากที่ให้ทุนตั้งแต่ระดับมัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้น คุณผู้ปกครองอาจจะต้องทำงานหนักในการหาข้อมูลบ้างเท่านั้นเอง
6. มองหาช่องทางลดหย่อนภาษีจากการจ่ายค่าเทอมบุตรหลาน : ศึกษาขั้นตอนการลดหย่อนภาษีจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพราะบางที สิ่งที่คุณจ่ายไปในการศึกษาของบุตร อาจได้รับการลดหย่อนภาษีก็เป็นได้ โดยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับประเภทของโรงเรียนที่ลูกของคุณเข้าเรียน หากคุณมีภาระทางการเงินที่หนักพอควรอยู่แล้ว คุณอาจจะเลือกประโภทโรงเรียนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งในจำนวนนั้น ก็มีโรงเรียนที่มีคุณภาพสูงรวมอยู่ด้วยเช่นกัน จึงไม่ใช่เสมอไปที่ว่า โรงเรียนเรียนรัฐบาลที่ลดหย่อนภาษีได้ จะมีคุณภาพด้อยกว่าโรงเรียนของเอกชน เป็นต้น
7. ถ้าไม่มั่นใจ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอาจช่วยได้ : บางทีการวางแผนเองหมดทุกอย่าง อาจทำให้เกิดความเครียดได้ หรือไม่ก็ การตัดสินใจครั้งสำคัญบางอย่าง อาจไม่วางอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเต็มร้อย อาจมีการใช้อารมณ์หรือความรู้สึกมากจนเกินไป ดังนั้น หากคุณอยากได้ผู้ช่วย หรือต้องการคนนอกมาช่วยตัดสินใจตามความเป็นจริงล้วนๆ คุณสามารถหาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน โดยคุณเพียงให้รายละเอียดปัจจัยทางด้านการเงินต่างๆ เพื่อให้เขาช่วยตัดสินใจวางแผนการเงินให้คุณได้
8. ลองพิจารณาพันธบัตรดู : วิธีหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว และความเสี่ยงไม่สูงนัก เพื่อนำเงินไปใช้ในการศึกษาบุตรเมื่อถึงเวลา คือการซื้อพันธบัตร ซึ่งมีการันตีอัตราดอกเบี้ยคงที่ และยังปลอดภัยอีกด้วย ดังนั้น หากคุณมีกองทุนเพื่อการศึกษาของลูกน้อยอยู่แล้ว หรือ มีการออมเงินในทุกทุกเดือนในส่วนนี้ ลองเอาเงินจำนวนนั้นไปลงทุนในรูปพันธบัตรดูสิ บางที เมื่อถึงเวลาใช้จริง อาจจะมีกำไรเพิ่มขึ้นมา สามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้ อาทิ ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายประจำวันเป็นต้น
ท้ายที่สุดนี้ หวังว่าบทความของ MoneyGuru จะให้ไอเดียไม่มากก็น้อยในการบริหารการเงินเพื่อการศึกษาของลูกในอนาคต อย่างน้อย ก็น่าจะช่วยให้ใครหลายๆ คนมีคำแนะนำเอาไว้คอยเตือนตัวเองว่า เรากำลังเดินมาถูกทางหรือเปล่า เพราะอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า "การเลี้ยงลูกและการศึกษาของลูก คือการลงทุนครั้งสำคัญ" เพราะฉะนั้น เราควรวางแผนให้ดี เพื่อไม่ให้เสียดายทีหลังเมื่อเวลาผ่านไปในอีก 10 ถึง 20 ปีข้างหน้านั่นเอง....
หากมีเรื่องปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน ติดต่อได้ที่ info@moneyguru.co.th หรือ www.moneyguru.co.th
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
BAM สร้างผลเรียกเก็บครึ่งปีแรกทะลุเป้าจา...
...
ออมสิน ช่วยสินเชื่อสถาบันการเงินคนไทย รุ...
...
BAM ชู นโยบาย "แก้มลิงแห่งชาติ" เดินหน้า...
...
รู้เท่าทัน “หนี้” พร้อมแนะวิธีแก้ปัญหา ใ...
...
"กรุงศรี" เผย ยอดสินเชื่อกลุ่มลูกค้าธุร...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ