จับตาธุรกิจเกิดใหม่ ... ผุดรับเทรนด์สังคมผู้สูงอายุในอีก 6 ปี

วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จับตาธุรกิจเกิดใหม่ ... ผุดรับเทรนด์สังคมผู้สูงอายุในอีก 6 ปี


เทรนด์สังคมผู้สูงอายุกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก สำหรับประเทศไทยเองก็กำลังเตรียมนับถอยหลังอีก 6 ปีข้างหน้า ก็จะก้าวเข้าสู่สังคมผู้อายุอย่างเต็มภาคภูมิ  คาดว่าจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุ 25% ของประชากรทั้งหมด หรือเพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบันที่มีอยู่ 10% จากประชากร 66 ล้านคน ทำให้ปัจจุบันตลาดรวมธุรกิจและบริการผู้สูงอายุในไทยมีมูลค่าอยู่ราว 1,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 15 % ต่อปี  ซึ่งคาดการณ์ไปอีก 6-10 ปีข้างหน้าตลาดนี้น่าจะโตไปถึง 3,000-4,000 ล้านบาท

จากแนวโน้มการเติบโตในตลาดดังกล่าวที่ยังมีช่องว่างธุรกิจอยู่มาก ส่งผลให้ทั้งทางภาครัฐเองได้มีนโยบายการสนับสนุนอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพเพื่อให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงวัย” ให้สอดคล้องไปกับสังคมไทยในยุค 4.0  ด้านผู้ประกอบการภาคเอกชนขานรับเทรนด์ดังกล่าวจัดงาน  “InterCare Asia 2017” กระตุ้นผู้ประกอบการไทยเห็นโอกาสช่องทางธุรกิจใหม่ ๆ  ให้เกิดการลงทุนเปิดตลาดเจาะกลุ่มผู้สูงวัย พร้อมปลุกแนวคิด เปิดโลกทัศน์  ผู้บริโภคคนไทยเห็นสินค้า บริการ นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ  ที่สามารถเข้ามาช่วยตอบโจทย์ยามชราได้ในอนาคต

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  กล่าวว่า  จากสถานการณ์ของประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ โครงการประชารัฐจึงได้จัดทำโครงการ “Amazing Thai Host”  เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุในท้องถิ่นที่มีความสามารถและต้องการสร้างรายได้หลังจากเกษียณอายุปฏิบัติงานดูแลนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวด้วยการสอดส่องดูแลความปลอดภัยเพื่อป้องกันเหตุร้ายในแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนของต่างๆ  โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุในท้องถิ่นที่มีความสามารถและต้องการสร้างรายได้หลังจากเกษียณอายุปฏิบัติงานดูแลนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวในเขตท้องถิ่นและหรือชุมชนของตัวเอง   ซึ่งในในต่างประเทศ เช่น แคนาดา จะเรียกผู้ปฏิบัติงานนี้ว่า อาสาสมัครผู้สูงอายุ หรือ White Hat Volunteer ประจำสนามบิน Calgary

ส่วนเกาหลีใต้เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวสำคัญในกรุงโซล หรือ i-Seoul รวมทั้งในญี่ปุ่น และกัมพูชา ต่างก็มีโมเดลนี้อยู่เช่นกัน โดยประโยชน์ที่ผู้สูงอายุจะได้รับมีหลายด้าน ทั้งรายได้จากอาชีพเสริมและมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น รองรับนโยบายการดูแลผู้สูงอายุเพื่อเพิ่มกำลังซื้อและสร้างการกระจายรายได้ให้ท้องถิ่นเลยนำมาเป็นโมเดลในประเทศไทย

สำหรับผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมายที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต้องการให้เข้าร่วมโครงการนี้ ได้แก่ อดีตข้าราชการที่เกษียณอายุ อดีตทหารเรือสำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ผู้สนใจที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการและอาศัยอยู่ในบริเวณเดียว หรือใกล้เคียงกับพื้นที่เป้าหมายของโครงการ สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่1 มีนาคม 2560 - 28กุมภาพันธ์ 2561

ทั้งนี้  จากข้อมูลล่าสุดจากรายงานของ กรมการท่องเที่ยว พบว่า ตั้งแต่วันที่1 มกราคม 2559 จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสมจำนวน 30.26 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 1.51 ล้านล้านบาท ขยายตัว 9.68% และ 13.32% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยอัตราการเติบโตของรายได้ที่มากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวถือเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างเห็นได้ชัด

ด้านนายชายชาญ เอี่ยมเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี  ในฐานะประธานกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กล่าวว่า  ขณะนี้กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดชลบุรี  ในฐานะกลุ่มจังหวัดนำร่องโครงการ “Amazing Thai Host” ได้ดำเนินการประกาศรับสมัครอาสาสมัครผู้สูงอายุ    พร้อมทั้งได้ดำเนินการจัดกิจกรรมฝึกอบรมให้กับอาสาสมัครที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 4 จังหวัดเสร็จสิ้นแล้ว   ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา  โดยมีอาสาสมัครที่เข้ารับการฝึกอบรม พร้อมได้รับใบเกียรติบัตรเป็นผู้ผ่านการฝึกอบรมในครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 244 คน  ทั้งนี้   อาสาสมัครทุกคน จะสวมเครื่องแบบที่มีตราสัญลักษณ์ “Amazing Thai Host” พร้อมด้วยบัตรประจำตัว ออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวเป็นเวลา 5 ชั่วโมงต่อวัน สัปดาห์ละ 3-4 วัน  เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่บัดนี้ ถึง  เดือนกันยายน 2560

ด้าน นายสรกิจ มั่นบุปผชาติ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานคลัสเตอร์ไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และอังกฤษ เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงและอายุขัยของประชากรในประเทศเพิ่มขึ้น อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเติบโตได้เป็นอย่างดี คือค่านิยมของลูกหลานที่ให้ความสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุค่อนข้างน้อย การมีธุรกิจบริการ ผลิตภัณฑ์ รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยดูแลผู้สูงอายุจึงมีความต้องการเป็นอย่างมาก ในขณะที่ประเทศในเอเชียก็เริ่มมีแนวโน้มที่เปลี่ยนไปเช่นกัน ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจและลักษณะความเป็นเมืองที่สูงขึ้นทำให้ลูกหลานที่อยู่ในวัยทำงานมีเวลาในการดูแลพ่อแม่ที่ชราภาพน้อยลง ธุรกิจบริการผู้สูงอายุจึงเข้ามาตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี  โดยพบว่าในเอเชียมีจำนวนผู้สูงอายุคิดเป็น 25% ของจำนวนประชากรกว่า 700 ล้านคน เฉพาะจีนมีผู้สูงอายุ 200 ล้านคน จาก 1,200 ล้านคน ในอีก 10ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 500 ล้านคน ส่วนไทยอีก 6 ปี เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ 25%

อย่างไรก็ตาม  จากการที่ทางภาครัฐอย่าง BOI ได้สนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้สูงวัยอยู่ โดยได้เปิดประเภทให้การส่งเสริมใหม่ 4 กิจการ ได้แก่ 1. กิจการบริการสาธารณสุขด้านแพทย์แผนไทย เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการบริการในอนาคต 2. กิจการศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ด้านหัวใจ (โรคหลอดเลือดหัวใจ ผ่าตัดหัวใจ และหัวใจล้มเหลว) ด้านมะเร็ง (เคมีบำบัด และรังสีวิทยา) และด้านไต (ศูนย์ไตเทียม) ซึ่งเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในลำดับต้นๆของคนไทย และเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้สูงวัยมากที่สุด 3. กิจการสถานพยาบาล จะให้การส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เฉพาะเพื่อเป็นการกระจายการให้บริการไปอย่างทั่วถึงสำหรับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงวัยที่อยู่ห่างไกลไม่ต้องเดินทางไกลๆ มารักษา และ 4. กิจการบริการขนส่งผู้ป่วย แพทย์ หรืออุปกรณ์การแพทย์ ทั้งทางอากาศ ทางบก ทางเรือ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสถานพยาบาลได้รวดเร็ว

ดังนั้น จึงทำให้ประเทศไทยถือได้ว่าติด 1 ใน 5 ของโลกที่เป็นจุดหมายปลายทางของคนสูงวัยจากทั่วโลกต้องการเข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อน หรือใช้ชีวิตยามบันปลาย เนื่องจากไทยตั้งอยู่บนพื้นที่เขตอบอุ่น ไม่หนาว บวกกับความได้เปรียบในเรื่องของ อาหาร เมดิคัลแคร์ เซอร์วิส และการบริการที่ดีเยี่ยมพร้อมกับราคาที่ไม่แพงมาก ประเทศไทยจึงสามารถพัฒนาและก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางธุรกิจบริการผู้สูงอายุแห่งเอเชียได้ในอนาคตอันใกล้     

ด้าน  น.ส.บุษยา ประกอบทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด  กล่าวต่อว่า จากการคาดประมาณประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีก 6 ปีข้างหน้าโดยจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุ 25% ของประชากรทั้งหมด หรือเพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบันที่มีอยู่ 10% จากประชากร 66 ล้านคน โดยเฉพาะสัดส่วนของประชากรสูงอายุวัยปลาย (อายุ 80 ปีขึ้นไป) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างประมาณร้อยละ 12.7 ของประชากรสูงอายุทั้งหมดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของประชากรสูงอายุ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุวัยปลายนี้ จะสะท้อนถึงการสูงอายุขึ้นของประชากรสูงอายุ และนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของประชากรที่อยู่ในวัยพึ่งพิง ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนกลุ่มนี้ก็จะเติบโตไปพร้อมๆกัน 

ส่งผลปัจจุบันตลาดรวมธุรกิจและบริการผู้สูงอายุในไทยจึงมีมูลค่าอยู่ราว 1,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 15 % ต่อปี  ซึ่งคาดการณ์ไปอีก 6-10 ปีข้างหน้าตลาดนี้น่าจะโตไปถึง 3,000-4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจสินค้าและบริการได้ใน 5 กลุ่มหลักดังนี้  โดยอันดับแรกทีมีแนวโน้มการเติบโตสูงสุดในไทย คือ นิวทริชั่นฟู้ดส์  รองลงมา คือ ด้านบริการ , เมดิคัลทัวร์ริซึ่ม , โฮมแคร์  และ โตน้อยที่สุดคือ รีแฮบิทเทชั่น เช่น หุ่นยนต์ผู้ช่วย ลิฟต์สำหรับเคลื่อนย้าย เป็นต้น

ทั้งนี้ จากแนวโน้มการเติบโตจากตลาดดังกล่าว บริษัทจึงได้จัดงาน InterCare Asia 2017 ขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 ก.ค. 60 ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา พื้นที่กว่า 5,000 ตร.ม. รวม 120 บูท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีเพียง 50 บูท บนพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุที่มีมากขึ้น และเตรียมความพร้อมประเทศไทยเพื่อก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยคาดว่าการจัดงานครั้งนี้จะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 5,000-8000 คน ที่เป็นทั้งผู้เข้ามาเพื่อการเจรจราธุรกิจและประชาชนทั่วไป ซึ่งมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท มากว่าปีที่ผ่านมาเท่าตัวที่ปิดอยู่ที่ 380 ล้านบาท และมีคนเข้าร่วมงาน 3,300 คน

ปิดท้ายที่ ดร.วีรณัฐ โรจนประภา นักวิชาการด้านผู้สูงวัยและนายกสมาคมบ้านปันรัก กล่าวว่า ในไม่อีกกี่ปีข้างหน้า โดยมีคนอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 10 ล้านคน และซึ่งจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบภายใน พ.ศ. 2568 และคาดว่าอีก 15 ปีประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ  คือ มีประชากรที่เป็นผู้สูงอายุร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ทั้งนี้ ในสภาพสังคมยุคโซเชียลฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น การปรับตัวเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ของผู้สูงวัย จึงเป็นประเด็นที่สังคมควรให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ เราจะเห็นได้ว่าสังคมยุคนี้เป็นยุคที่โซเชียล มีบทบาทมากกับทุกเพศทุกวัย และยิ่งเป็นสังคมผู้สูงอายุ จึงต้องควรที่จะปรับตัว เรียนรู้ และ ไม่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากร ออนไลน์ รวมไปถึง เทรนด์ของ Thailand 4.0 ได้ให้ความสำคัญกับการพาประเทศก้าวเข้าสู่สังคมออนไลน์ หรือ การก้าวล้ำนำสมัยอย่างเป็นทางการ จึงอยากให้สังคมผู้สุงอายุมีการปรับตัว เสพสื่อที่ดี มีความเป็นกลาง และ เสพสื่อ หรือ ทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ ด้วยความระมัดระวัง อย่าเก็บความสงสัยไว้ แล้วเลือกตัดสินใจผิด ให้ตัดสินใจถามกลุ่มลูก หลาน หรือเพื่อน เพื่อให้ได้คำอธิบาย หรือ เจ้าหน้าที่ต่างๆที่ต้องไปเกี่ยวข้อง กับ เทคโนโลยี หรือ ช่องทางออนไลน์

และจากแนวโน้มทั่วโลกและสังคมไทยเองกำลังจะเข้าสู่ยุคผู้สูงวัยมากขึ้น ส่งผลให้มีธุรกิจและบริการต่าง ๆ เข้ามาตอบโจทย์คนกลุ่มนี้มากขึ้น  ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 5 ธุรกิจ ดังนี้

1.  ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ  เพราะกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงกลุ่มอาหารเสริมที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก  โดยความต้องการของผู้สูงอายุ คือ อาหารที่มีไขมันต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล น้ำตาลน้อยหรือไม่มีเลย และมีส่วนประกอบที่ป้องกัน ลดความเสี่ยงโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน  รวมถึงสามารถย่อยได้ง่ายเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว เป็นต้น

2. ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ หมายรวมถึง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในบ้าน ซึ่งต้องมีการออกแบบให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพ และวิถีการดำเนินชีวิตของกลุ่มผู้สูงอายุที่สภาพร่างกายเริ่มถดถอย ตัวอย่างเช่น เตียงนอนที่สามารถปรับระดับความสูงต่ำได้ เก้าอี้ไม้ที่มีพนักพิง เป็นต้น หากผู้ประกอบการสามารถพัฒนา ตอบโจทย์เหล่าผู้สูงอายุได้ ก็จะเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจ เพราะผู้สูงอายุมีอำนาจในการซื้อที่ค่อนข้างสูง พร้อมจะจ่ายเงิน หากสินค้าโดนใจจริงๆ

3. ธุรกิจเกี่ยวกับความงาม  แม้ว่าจะเข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว แต่ก็ยังอยากดูแลตัวเองให้ดีอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย รวมถึงเครื่องสำอางประเภทออร์แกนิกที่ผลิตมาจากธรรมชาติหรือสมุนไพร ยิ่งมีสรรพคุณต่อต้าน ชะลอริ้วรอย ลดรอยกระ จุดด่างดำ นำมาผสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วยแล้ว รับรองเลยว่าได้รับความสนใจอย่างแน่นอน 

4. ธุรกิจบริการสุขภาพ  กลุ่มผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ไม่สามารถดูแลตนเองได้มีเยอะพอสมควร ซึ่งต้องมองหาสถานบริการให้มาดูแลตามที่อยู่อาศัย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของการทำธุรกิจโดยมุ่งเป้าที่กลุ่มผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย โดยการบริการต้องมีคุณภาพ ผู้ประกอบการต้องคัดกรองบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีจิตเมตตา รักในงานบริการ รวมถึงการสร้างความแตกต่าง หาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้น

5. ธุรกิจนำเที่ยวผู้สูงวัย  กลุ่มผู้สูงอายุยังต้องการสังคมเพื่อพบปะเพื่อนฝูงร่วมพูดคุยสังสรรค์กัน หลังจากตรากตรำทำงานมาอย่างหนักตลอดเวลาที่ผ่านมา ดังนั้นการจัดทริปไปเที่ยวถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ โดยโปรแกรมการท่องเที่ยวอาจไม่หักโหมมากเหมือนกับคนวัยอื่น ผู้สูงอายุจะมีรสนิยมท่องเที่ยวในเชิงศิลปวัฒนธรรม ทำบุญไหว้พระ ตักบาตร ฟังเทศน์ ตามวัดวาอารามต่างๆ สวดมนต์ ก้เป็นที่นิยมมากในยุคนี้

********************************************************

สัดส่วนธุรกิจที่เติบโตในไทยเรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่

1.       นิวทริชั่นฟู้ดส์  ได้แก่  ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและสมุนไพร

2.       ด้านบริการ เช่น รถสำหรับผู้พิการ อุปกรณ์ที่ให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ

3.       เมดิคัลทัวร์ริซึ่มหรือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และบริการที่เกี่ยวข้อง

4.       โฮมแคร์ เช่น วีลแชร์ วอร์คเกอร์

5.       รีแฮบิทเทชั่น เช่น หุ่นยนต์ผู้ช่วย ลิฟต์สำหรับเคลื่อนย้าย และ Power Suits 

ข้อมูล : เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ