ก่อนที่จะกล่าวกันต่อถึงเรื่อง พระสมเด็จวัดระฆังบรรจุกรุ ก็ขอนำเสนอภาพพระสมเด็จวัดระฆัง องค์งาม อีกองค์หนึ่ง ให้ท่านได้ชมกัน ตามภาพนี้เป็นพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เจดีย์ แต่เป็นพิมพ์เจดีย์ที่ไม่ธรรมดา โดยเป็นพิมพ์เจดีย์ที่มีขนาดเขื่อง กว่าพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ เจดีย์ที่เห็นๆ กัน พระองค์นี้ มีขนาดใหญ่พอๆ กับพระพิมพ์ใหญ่ ผู้เขียนเองก็เคยพบเห็นพระแบบองค์นี้เพียงองค์เดียว ไม่เคยเห็นพระพิมพ์นี้เป็นองค์ที่สอง คงจะมีจำนวนน้อยจริงๆ นอกจากพระทั้งองค์จะมีขนาดใหญ่และหนาเป็นพิเศษแล้ว จะกดพิมพ์ได้ชัดลึกอีกด้วย แต่เรื่องของพิมพ์ทรงก็ขอติดเอาไว้ก่อน ไว้คอยวิเคราะห์กันในบทต่อๆ ไป ตอนนี้เรามา พิจารณากันถึงเรื่อง พระสมเด็จวัดระฆังที่บรรจุกรุ ว่ามีกรุที่ไหนบ้างซึ่งพระสมเด็จวัดระฆังถูกบรรจุอยู่
ถึงตอนนี้แล้ว หลายท่านก็ต้องอยากทราบว่า พระสมเด็จวัดระฆังถูกบรรจุกรุ อยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งคำถามนี้ นายกนก สัชชุกร ผู้บันทึกประวัติของเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ก็ได้เคยเรียนถามท่านเจ้าคุณธรรมถาวร ซึ่งเป็นศิษย์ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ มีอายุขณะนั้นได้ 88 ปี (ผู้เขียนได้คัดลอกจากหนังสือของ ตรียัมปวาย) ความว่า "ท่านทราบบ้างไหมว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ได้บรรจุพระของท่านไว้ที่ใดบ้าง ท่าน (เจ้าคุณพระธรรมถาวร) ก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงปฏิเสธว่า ไม่ทราบ แต่ท่านได้กล่าวเปรยๆ ว่า "เจ้าพระคุณสมเด็จฯ" ท่านชื่อโต ท่านชอบสร้างพระองค์โตๆ"
เมื่อเอาคำตอบของเจ้าคุณพระธรรมถาวร ประมวลกับเรื่องที่พระอาจารย์ขวัญ ได้เล่าให้ฟังว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ได้เคยกล่าวกับนายเทศ ผู้เป็นทั้งลูกศิษย์และหลานชายว่า "ให้เอาพระสมเด็จที่สร้างไว้ก่อนแล้ว มารวมกับพระสมเด็จที่สร้าง ในครั้งนี้ให้ครบ 84,000 องค์ แล้วให้นำไปบรรจุกรุไว้ที่วัด หรือพระองค์ใหญ่ๆ ที่ท่าน ได้สร้างไว้ รวมทั้งที่วัดไชโย อำเภอไชโย เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้โยมมารดานั้น ผู้เขียน จึงพอจะสรุปได้ว่า พระสมเด็จที่ท่านได้สร้างไว้เพื่อบรรจุกรุ จำนวน 84,000 องค์ในครั้งนั้น อย่างน้อยก็จะต้องบรรจุที่วัดไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทองเป็นลำดับแรก แต่พระสมเด็จที่สร้างที่วัดระฆังแล้วนำไปบรรจุกรุ จะใช่พระสมเด็จเกศไชโยที่เล่นหากัน อยู่ในปัจจุบันหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง กรุต่อมาก็ต้องเป็นกรุพระปรางค์องค์เล็กของ วัดระฆัง ซึ่งมีหลักฐานคือ พระที่อยู่ในปฏิทินสามทหาร พ.ศ.2514 และมีภาพจิตร-กรรมฝาผนังรูปพระสมเด็จวัดระฆังเรียงรายอูย่ในพระปรางค์แสดงในพระอุโบสถของวัดอินทรวิหารอยู่ด้วย กรุที่สามก็ต้องเป็นที่วัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา ซึ่งวัดสะตือนี้ มีประวัติชัดเจนกว่าวัดไหนๆ ทั้งหมด ว่าเจ้าพระคุณสมเด็จท่านได้สร้างพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในสมัยนั้นขึ้นที่วัดนี้ และยังมีเจดีย์ริมแม่น้ำป่าสักอีกองค์หนึ่งที่วัดนี้ สันนิษฐานว่า อาจเป็นเจดีย์ที่ท่านได้สร้างให้โยมมารดาของ ท่านและเอาพระสมเด็จวัดระฆังที่สร้างในครั้งนั้น มาบรรจุกรุไว้ที่เจดีย์นี้ก็เป็นได้ และ ผู้เฒ่าผู้แก่แถววัดสะตือก็เล่ากันว่า สมเด็จฯ ท่านเป็นคนแถบวัดสะตือนี่เอง กรุวัดสะตือได้แตกกรุมาช้านานแล้ว เพราะมีการย้ายเจดีย์ที่เดิมอยู่ริมแม่น้ำ นำมาสร้างใหม่ ตรงเศียรของพระนอน และในปี 2499 ก็ได้มีการบูรณะพระนอนเป็นครั้งใหญ่ สันนิษฐานว่าพระสมเด็จวัดระฆังที่นำมาบรรจุกรุอยู่คงแตกกรุในคราวนั้น"