น.ส. ชิดชญา โชดกวิเศษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์ พาวเวอร์ โซลูชั่น จำกัด เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง “บาบาร่า” กล่าวว่า จากสภาพเศรษฐกิจช่วงระยะ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่อยอดขายบ้าง ทำให้ภาพรวมธุรกิจยังทรงตัว โดยเมื่อต้นปีได้เปิดตัวแป้งพัฟแบบรีฟฟิว ราคา 490 บาท ถือว่ามีถูกกว่าแบบปกติที่มีราคา 690 บาท เพื่อสร้างทางเลือกแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น บริษัทไม่เน้นแข่งขันเรื่องราคาและทำโปรโมชั่น แต่ให้ความสำคัญกับการออกสินค้าใหม่มากกว่า
ขณะเดียวกันหลังจากเมื่อช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้ามาในตลาดเครื่องสำอางกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพภายใต้แบรนด์ “บาบาร่า” (Babalah) ก็พบว่าประสบความสำเร็จด้านยอดขายเป็นอย่างมาก ในปี 2560 มีเป้าหมายสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ขณะนี้อยู่ระหว่างวางแผนงานกับพาร์ทเนอร์จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อกระจายสินค้าไปสู่ตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเบื้องต้นคาดว่าจะให้ความแข็งแกร่งของพันธมิตร ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และไต้หวัน เพื่อนำสินค้าแบรน์ของบริษัทเข้าไปทำตลาด
ส่วนหน้าตลาดประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทจะเป็นผู้ควบคุมและขยายธุรกิจด้วยตนเอง ก่อนหน้าได้ทดลองทำการตลาดในช่องทางดิจิทัลหรือโซเชียลมีเดีย เพื่อทำการประชาสัมพันธ์ไปยังประเทศเวียดนาม ก็มีผลตอบจากลูกค้าที่ดีอย่างมาก เนื่องจากประชากรเวียดนามค่อนข้างนิยมใช้สินค้าจากเมืองไทย เพราะเห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ดีและมีคุณภาพ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสจะเข้าไปกระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย คาดการณ์ว่าจะเริ่มได้ภายในปี 2560 เช่นเดียวกัน
“ในส่วนของความร่วมมือระหว่างบริษัทกับพาร์ทเนอร์จากเกาหลี นับว่าจะเข้ามาเสริมแกร่งของทั้งสองผู้ประกอบการ หรือถือเป็นการต่อยอด เพราะพันธมิตรดังกล่าวยังไม่มีกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ เราคาดการณ์ว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนงาน คงสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว หรือในปีหน้ามียอดขาย 500 ล้านบาท ”
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของประเทศไทยปี 2560 บริษัทมีแนวทางสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง รวมถึงสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจกับผู้บริโภคให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของแบรนด์บาบาล่าถูกเข้าใจว่ามีเพียงแค่สินค้าแป้งตลับอย่างเดียว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายกลุ่มที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
ล่าสุดได้เปิดช้อปแห่งแรกขนาด 37 ตารางเมตร ภายในศูนย์การค้าโชว์ดีซี โดยปัจจัยที่เลือกทำเลดังกล่าว เนื่องจากอยู่ใจกลางเมือง มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ รวมถึงยังมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง จึงนับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของการสร้างแบรนด์ให้เกิดการจดจำ ตั้งเป้าว่าปีนี้เปิดอีกไม่เกิน 5 แห่งตามภูมิภาคต่างๆ
