นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์   กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยครึ่งปีหลังนี้มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับธุรกิจรากหญ้า และสามารถเติบโตได้ด้วย SME ซึ่งทางสหพัฒน์เองก็ใช้ยุทธศาสตร์ประชารัฐ เพื่อเน้นสังคมที่ดีแล้วให้เศรษฐกิจโตไปพร้อมกัน เดิมที่ก็มองว่าเศรษฐกิจไทยเองก็ไม่ได้แย่มาก หากนำไปเทียบกับ ฟิลิปปินส์หรือมาเลเซีย เราจึงมีโอกาสเสมอ ผู้ที่ต้องการลงทุนก็กำหนดเวลาในปีนี้ขยับขยายธุรกิจได้และมองว่าน่าจะดีเพิ่มขึ้นในปี 2561 ซึ่งขณะนี้ราคาพืชผลทางเกษตรดีขึ้น อีกทั้งภาครัฐบาลเองก็เดินหน้าโครงการกระตุ้นต่างๆ เต็มที่ส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจ               

อย่างไรก็ตาม  ตนเองมองว่าสภาวะเศรษฐกิจของไทยช่วง 5 เดือนแรกปี 2560 นี้ยังไม่กระเตื้องเท่าที่ควร ส่งผลต่อกำลังซื้อโดยรวมของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่เชื่อว่าจากนี้ไปเศรษฐกิจไทยจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ จากที่เราเห็นจากรัฐบาลได้ประกาศนโยบายขับเคลื่อนประเทศด้วยยุทธศาสตร์ประชารัฐ ซึ่งเป็นการสานพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมแรงร่วมใจกันเปลี่ยนแปลงและพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน เครือสหพัฒน์ในฐานะองค์กรภาคเอกชนที่ต้องการเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสานพลังขับเคลื่อนประเทศด้วยการสนับสนุนให้บริษัทในเครือจัดทำโครงการประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันได้มีโครงการที่ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและประสบสำเร็จแล้วหลายโครงการ

ล่าสุด เราได้จัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 21 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด An Honest Digital World, BSC 21st Anniversary ภายใต้สโลแกน “คนดี สินค้าดี สังคมดี = ไทยแลนด์เบสต์” เครือสหพัฒน์จึงได้นำโครงการประชารัฐมาเผยแพร่ในงานนี้  ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน-2 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะมีการ แสดงนวัตกรรม สินค้าและบริการใหม่ ที่บริษัทในเครือสหพัฒน์ได้พัฒนาขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและส่งออก นอกจากนี้ จะมี สินค้าในเครือสหพัฒน์มาจำหน่ายในราคาพิเศษกว่า 1,000 คูหา อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องกีฬา เครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อม บริการส่งสินค้าฟรีถึงบ้าน อีกทั้งยังมี กิจกรรมพิเศษ แฟชั่นโชว์ การสัมมนามากมาย ที่เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ด้าน นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  สหพัฒน์เตรียมการลงทุนมากขึ้น หลังจากที่ชะลอการลงทุนมานานกว่า 2  ปีแล้วเพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจที่จะดีขึ้นในปีหน้าพอดี ซึ่งปีนี้คาดว่าจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการลงทุนมากกว่าพันล้านบาท ในการขยายการผลิตแอร์แบ็ก โตโยโบ โครงการลงทุนย้ายฐานการผลิตบางอย่างที่มีฐานผลิตเดิมทั้งในกรุงเทพฯ และที่อื่นตามความเหมาะสม ไปอยู่ที่แม่สอดเช่น โรงงานผลิตผ้าลูกไม้ ผลิตถุงเท้า แม่สอดซากาเอะ พื้นที่ 4 ไร่กว่า เป็นต้น

สำหรับโครงการก่อสร้างไทเกอร์สุวรรณภูมิดีซี ลงทุนมากกว่า 1,500 ล้านบาท พื้นที่ 50 ไร่ ขนาด 70,000 กว่าตารางเมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นดีซีที่มีขนาดใหญ่มาก บริเวณใกล้กับสุวรรณภูมิ เพื่อใช้เป็นแวร์เฮาส์ในเครือทั้งหมด เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขนส่งและบริหารสินค้า และหากมีพื้นที่เหลือก็จะรับบริการภายนอกเครือด้วย การลงทุนเพิ่มเพื่อขยายธุกริจด้านบริการเช่น คอลล์เซ็นเตอร์ การร่วมมือกับทางเว๊บไซต์ลาซาด้าเพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายช่องทางออนไลน์

“ นอกจากนั้นจะมีการเพิ่มทุนในบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด ที่เป็นผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม บริเวณมาบตาพุดของบริษัท เพื่อรองรับกับโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี โดยจะเพิ่มทุนอีก 4,000 ล้านบาท เพื่อขยายศักยภาพและพัฒนาพื้นที่นิคมฯให้สมบูรณ์ขึ้น ซึ่งโครงการอีอีซีนี้เป็นโครงการดีที่หากทำสำเร็จจะส่งผลให้ประเทศไทยรุ่งเรืองมากขึ้นกว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ยังไม่มีโครงการประเภทนี้ ”