กริ่งทองคำล้ำคุณ (4)

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

กริ่งทองคำล้ำคุณ (4)


ในปีพ.ศ.2443 องค์พ่อปู่แพขณะนั้นครองสมณศักดิ์เป็น พระเทพโมลี ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระธรรมโกศาจารย์ (ครองนานอยู่ถึงปี 2466) ระหว่างนั้นบ้านเมืองตกอยู่ ณ สภาวะไม่ค่อยจะดีนักทั้งภัยจากนักล่าอาณานิคม ภัยโหม ตามหลังสงครามโลกครั้งแรก ร.5 ทรงแบกพระราชภาระหนักอึ้งกว่าจะทรงพาประเทศ มาถึงจุดปลอดภัย อยากให้พวกเราเอาใจใส่ศึกษาค้นคว้าเหตุการณ์ทั้งปวง ณ ช่วงนี้ บางทีความรู้สึกแหนหวงและห่วงใยประเทศชาติ ซึ่งขาดลับไปกับยุคสมัยไฮเทค-ไฮเซ็ก และ ไฮไอโฟน จะกลับมาติดกมลสันดานบ้าง
ระหว่างปีที่พ่อปู่แพเป็นพระธรรมโกศาจารย์ ท่านได้สร้างพระกริ่งยิ่งใหญ่ไว้สองรุ่นคือ รุ่นธรรมโกษาจารย์ ปี พ.ศ.2443- 4 และ กริ่งพรหมมุณี (ปี พ.ศ.2455-2466) จำนวนตกน้อยมาก พูดจากใจจริงกริ่งธรรมโกษาจารย์ รูปทรงสัณฐานเริ่มจะมีพุทธลักษณ์ส่อใกล้กริ่งปวเรศทุกที บางองค์มีบัวคู่อยู่ด้านหลัง (ดูจากหนังสือเก่า) บางองค์มิได้เอาตุ๊ดตู่ตอกเม็ดพระศก คงปล่อยเห็นเป็นเม็ดตูม ผมเองไม่กล้าสุ่มเสี่ยงคาดเดาเดี๋ยวจะพลอยปล่อยไก่ตัวใหญ่ขายขี้หน้าแย่ เพียงแต่อยากให้ชมโฉม กริ่งธรรมโกษาจารย์องค์ทองคำ งามล้ำลึกองค์นี้ (น่าจะมีอยู่องค์เดียวในแผ่นดิน) พุทธศิลป์ประทับนั่ง ด้านข้าง ปล่อยวางแบบสบายๆ คล้ายกริ่งปวเรศ สังเกตแล้วโปรดจดจำด้วยเพราะช่วย ได้อย่างมหันต์ในวันข้างหน้า เพราะว่าพระกริ่งยิ่งโพลกยิ่งพลวก ยิ่งลวก ยิ่งหลวม การสำรวมระวัง การตั้งจิตพินิจเห็น จักเป็นเกราะกันกระสุนจากสถุลโลภทั้งหลายได้อย่างดี
กริ่งพรหมมุนีก็เป็นอีกนิยาม ห้ามประมาทควรตั้งการ์ดสูงมุ่งป้องกันเป็นขั้นแรกสุดทั้งพุทธคุณทั้งค่านิยม คือเงื่อนปมคลื่นเหียนฝูงเซียนปลอมและพระปลอมกลางสิ่งแวดล้อมต่ำช้าสามานย์ ตำนานเล่าว่ากริ่งนี้ดูเหมือนมีมากรุ่นหลายสีเนื้อทั้งเนื้อกลับดำ เนื้อนวโลหะ และเนื้อออกโทนแดง (ให้เขาแบ่งกันไป) ทว่าในพุทธศิลป์ผมกลับเห็นมีทั้งกริ่งจีน, กริ่งหนองแส และกริ่งบาเก็ง ต้องส่องเล็งดีๆ นานๆ จึงเห็นการผสมผสานศิลปะคละเคล้าเข้าด้วยกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว ผมขอคัดเคี่ยวกริ่งพรหมมุณีที่เป็นทองคำ มิหนำซ้ำยังมีอักษรย่อ อว. ของพ่อปู่แพมาให้แลพินิจกัน ผมนั้นโชคดีที่ได้เก็บภาพกริ่งพรหมมุณีไว้ สี่เนื้อ คือ เนื้อทอง, เนื้อแดง, เนื้อนวโลหะ และเนื้อดำสนิท ถูกจริตผม (ที่ชื่นชมพระกริ่งแบบเคร่งขรึมซึมลึกกว่าจะตกผลึกคงอีกนาน) ทว่าวิธีการแห่งพระกริ่งเป็นสิ่งยากปฏิเสธว่าเกิดจากความเมตตาเป็นพื้นฐานเหมือนหินยานทั้งเพ แถมมีเสน่ห์ไปอีกทาง ผิดกับบางกริ่งรุ่นใหม่ อาศัยการโปรโมตโฆษณาชวนเชื่อเพื่อบรรลุเป้าเอาแต่ได้ไร้ยางอายสิ้นเชิง
อย่าเพิ่งหูเบา ทำหูหนักเข้าไว้ ด้วยเรื่องถัดไปจะพูดถึงกริ่งสุดยอดสุดกำลังของ องค์สังฆราช (แพ) เขาว่าอีกว่าสุดยอดหายากแท้ แต่แปลกแต่จริง ยิ่งหายาก ยิ่งอยากหา ยิ่งอยากไขว่ใฝ่คว้ามาเสพ กริ่งเทพโมลี ทั้งสีเนื้อเรื่อเหลืองเรืองรองทั้งเนื้อทองคำและ เนื้อดำ (จัด) มีอรรถาธิบายต่อท้ายว่าของจริง กริ่งเทพโมลีมีน้อยกว่ากริ่งปวเรศเสียอีก ท่าจะจริงแน่เพราะกริ่งแท้ๆ เทพโมลี แทบจะไม่มีออกมาในหนังสือสามัญเลยประวัติเอ่ยถึงดูครึ่งๆ กลางๆ ไม่ก็อ้างของเก่าเล่ามาอีกต่อแต่พอจับเค้นความเป็นไปในความเป็นมาคร่าวๆ
กริ่งเทพโมลีรุ่นแรกสร้างราว พ.ศ.2441-2 ถูกจ่ายจองไปราว 9 องค์ มีการลงเลขไว้ใต้ฐาน (เป็นเลขไทย)...อย่างไรเสีย ผมยังละเหี่ยใจพิกลทุกครั้งที่ค้นหาข้อมูลอันไม่สมบูรณ์ ฉะนี้แล้วคงไม่แคล้วที่จะรวบรัดตัดทอนไปตอนหน้าโดยสังเขป เพื่อจะนำกริ่งเทพโมลีที่ผ่านตามาสำแดงแห่งข้อเท็จจริงว่ากริ่งนี้ ทำไมถึงมีเนื้อทอง คำผิดธรรมดาแผกตำราบันทึก เพื่อจะก้าวล่วงและล้วงลึกถึงต้นตอกริ่งปวเรศทองคำ อีกตำนานของพระกริ่งเมืองไทย ตำนานยิ่งใหญ่เหลือเกิน
จากการประเมินดูมีเซียนผู้เสี้ยนกระสันนั้นปรารถนาหากริ่งปวเรศ ยิ่งกว่าพระสมเด็จฯ วัดระฆังเสียอีก ณ บางซีกส่วนก็คล้ายๆ กัน คือรอสวรรค์ทำตกตามแผงแบ กะดินไม่ก็รอพวกกินเหล้าเมายาขโมยพ่อมาขายราคาถูกแบบง่ายแล้วตกควายตัวโต
ช่างโสมมและสามานย์ดีจริงๆ


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ