ร้อนได้ใจ!ตลาดแอร์จัดหนัก ลุ้นเจ้า“ซัมเมอร์”ชิงผู้นำตลาด 3 หมื่นล้าน

วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

ร้อนได้ใจ!ตลาดแอร์จัดหนัก ลุ้นเจ้า“ซัมเมอร์”ชิงผู้นำตลาด 3 หมื่นล้าน


อากาศร้อนจัด ตลาดแอร์ร้อนฉ่า!เปิดศึกชิงเดือดสมรภูมิร่วม 3 หมื่นล้าน ค่ายพี่เบิ้มแบรนด์ต่างโหมลุย ทุ่มงบไม่อั้น จัดแคมเปญ อัดกิจอีเวนต์และโปรโมชั่น หั่นราคา ผ่อน 0% พร้อมดึงดารา ขวัญใจวัยรุ่นไทย เป็นพรีเซ็นเตอร์ ส่งแอร์รุ่นใหม่ลงตลาดชูเทคโนโลยีนวัตกรรมเย็นสุดขั้ว ชิงแชร์แอร์หวังโกยยอดขาย 3 เดือนช่วงซัมเมอร์พุ่งทะลุเป้า

ประเดิมที่ค่ายแอร์แบรนด์ชื่อดัง “นายทาเคชิ โนะโมโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พานาโซนิค ในประเทศไทย และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด” ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ "พานาโซนิค" เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องปรับอากาศของประเทศไทยในปีนี้มีแนวโน้มดี สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมียอดขายสูงต่อเนื่อง 2 ปี โดยปีงบประมาณ 2558 มีอัตราการเติบโต 45% และคาดการณ์ว่าปี 2559 น่าจะเติบโตได้ราว 43% หรือคิดเป็นยอดขาย 4,800 ล้านบาท จากในอดีตที่เติบโตเพียง 10% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการทำธุรกิจเครื่องปรับอากาศ คงเป็นเรื่องของสภาพอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งปีนี้จะเห็นได้ว่าอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเร็ว ทำให้ผู้บริโภคเลือกมองหาเครื่องปรับอากาศ ซึ่งช่วงนี้เองถือเป็นไฮซีซั่นของสินค้าเครื่องปรับอากาศ โดยบริษัทเตรียมรุกทำการตลาดให้หนักเหมือนเช่นเคย โดยเตรียมงบประมาณ 10% ของยอดขาย ทำกิจกรรมครอบคลุมทุกช่องทาง และออกสินค้าใหม่เพิ่ม

 ล่าสุด เปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นสกาย ซีรี่ยส์ (Sky Series)  และ (เอโร ซีรี่ยส์) ผ่านการจัดแคม เปญ “Nature is the best technology” "เนเจอร์ อีส เดอะเบส เทคโนโลยี" ชูไฮไลต์เครื่องปรับอากาศ Sky Series และ Aero Series โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความเย็นสบายที่เรียนรู้จากธรรมชาติ และเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้าและกิจกรรมทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อโฆษณาบิลบอร์ด สื่อบนรถไฟฟ้า และสื่อโฆษณา ณ จุดขาย รวมถึงเปิดตัว 2 พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของพานาโซนิค พร้อมกับเตรียมจัดโรด โชว์ "คูลลิ่ง อัพ ซัมเมอร์" ซึ่งจะกระจายไปกว่า 30 จังหวัด ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.นี้อีก ด้วย ในการเขย่าตลาดแอร์รับซัมเมอร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมระบบกระจายความเย็น แบบไม่สัมผัสตัวของพานาโซนิค

"เรามั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศใหม่ทั้ง 2รุ่นดังกล่าวจะเป็นไฮไลต์สำหรับการรุกตลาดในปีนี้  รวมทั้งแคมเปญทางการตลาดที่พานาโซนิคตั้งใจนำเสนอในครั้งนี้ จะสามารถขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสินค้าคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์และดีไซน์เรียบง่ายทันสมัย ซึ่งจะช่วยผลักดันส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องปรับอากาศของพานาโซนิคในปีนี้ให้เติบโตเป็น 20 % ตามเป้า”

สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศไทยในปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10 % หรือประมาณ 1.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 26,800 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ 25% และระบบนอนอินเวอร์เตอร์ 75% สำหรับในปีนี้พานาโซนิคตั้งเป้าหมายยอดขายเครื่องปรับอากาศโดยรวม 350,000 เครื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปี 2559 โดยแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ 30%        

นายหยาง เสี้ยวหลิน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไฮเออร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ กล่าวว่า ในปีนี้คาดการณ์ว่าอากาศประเทศไทยน่าจะมีอุณหภูมิที่สูง บวกกับอากาศที่ร้อนเร็วกว่าทุกปี จึงทำให้ตลาดเครื่องปรับอากาศทวีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ต่างงัดกลยุทธ์การแข่งขันส่งสินค้าโมเดลเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ๆ พร้อมทุ่มงบการตลาดหวังส่วนแบ่งมาร์เก็ตแชร์ช่วง 3-4 เดือน  ซึ่งในปีนี้ ไฮเออร์ได้ทุ่มงบประมาณการลงทุนในการปรับปรุงร้านค้าและการทำการตลาดกว่า 100 ล้านบาท ในการนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ๆ เพื่อเจาะตลาดระดับบนเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์หลักของไฮเออร์ โดยเฉพาะหน้าร้อนนี้นอกจากเครื่องปรับอากาศในตลาดระดับ Eco แล้ว ปีนี้ยังได้ส่งเครื่องปรับอากาศเพื่อเจาะตลาดHi-End อาทิรุ่น Ultimate Plus Cool VNQ SERIES แบ่งเป็น 4 ขนาดได้แก่ 10,000 BTU, 13,000 BTU, 18,000 BTU และ 24,000 BTU ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Evaporator Self Cleaning Function เทคโนโลยีเพียงหนึ่งเดียวของแบรนด์ไฮเออร์ที่สามารถทำความสะอาดเครื่องได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะเพิ่มความเย็นระหว่างคอยล์เย็นให้อุณหภูมิต่ำลง จนมีน้ำแข็งปกคลุมจนเต็มพื้นที่ในระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นเมื่อน้ำแข็งละลาย ก็จะดึงฝุ่นที่เกาะอยู่ที่คอยล์เย็นหลุดออกมาด้วย โดยกระบวนการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น ภายในระยะเวลาเพียง 20 นาทีเป็นการแก้ปัญหาคอยล์เย็นที่ทำความสะอาดยาก นอกจากนี้ยังมีระบบซิลเวอร์นาโนไอออนสารต้านจุลชีพเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียถึง 99.9% และเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ระบบอินเวอร์เตอร์ประหยัดไฟสูงสุด 36% เมื่อเทียบกับเครื่องปรับอากาศอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับหน้าร้อน “Hello Summer: ซื้อไฮเออร์ ได้ทั้งช็อป ได้ทั้งชิลล์” เมื่อซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ พร้อมรับe-Voucher ใช้แทนเงินสดเมื่อจองที่พักกับ agoda.com”

ผู้บริหารกล่าวต่อว่า สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของไฮเออร์ ประเทศไทยของปีนี้ มุ่งเจาะตลาด Mid-Hi End ด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ซึ่งนอกจากเครื่องปรับอากาศแล้ว ปีนี้เรายังมีเครื่องซักผ้าและตู้เย็น ที่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีและดีไซน์อันทันสมัยเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผุ้บริโภคในปัจจุบัน และสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ การบริการ ด้วยการเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค และตัวแทนจัดจำหน่าย ผ่านช่องทางการสื่อสารยุคใหม่อย่าง Facebook Haier Thailand Fanpageรวมถึงไวรัลคลิป ซึ่งในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากชุด “เปิดโปงความลับของน้องลิง” ซึ่งได้รับรางวัลที่ 1 ยอดชมสูงที่สุดบนยูทูบปี 2559 ซึ่งปัจจุบันมียอดชมกว่า 16.6 ล้านวิว ในปีนี้เราได้เตรียมไวรัลคลิปชุดใหม่ภายใต้สโลแกน “การใช้ชีวิตของคุณคือแรงบันดาลใจของเรา” ซึ่งจะช่วยในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ สำหรับกิจกรรมโปรโมชั่นสนับสนุนการขายต่างๆ ยังคงเน้นการจัดกิจกรรมออนไลน์และโรดโชว์ตามร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมด้านการตลาดและสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภค

                ทั้งนี้ ผลประกอบการของไฮเออร์ในปี 2559 มีรายได้รวมประมาณ 2,480 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมากเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย ตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องซักผ้า และโทรทัศน์ ตามลำดับ ด้านส่วนแบ่งทางการตลาดจากการจัดอันดับโดยยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 8 ปีติดต่อกัน โดยไฮเออร์มีส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 9.8 ของปริมาณการค้าปลีกทั่วโลก ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2560 รายได้ของไฮเออร์จะเพิ่มขึ้น 10% หรือคิดเป็นรายได้รวมประมาณ 2,700 ล้านบาท

นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดแอร์ 30,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะโตได้อีก 10% หรือน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 33,000 ล้านบาท หรือมีความต้องการอยู่ที่ 1.8 ล้านเครื่อง จากเดิมปีก่อนอยู่ที่ 1.6 ล้านเครื่อง ทั้งนี้ มองว่าปีนี้อากาศร้อนมาเร็ว ส่วนจะร้อนมากหรือไม่ยังคาดการณ์ได้ยาก แต่ทั้งนี้เชื่อว่าในเดือน มี.ค.-พ.ค. ตลาดแอร์จะเติบโตมากสุด หรือมีรายได้กว่า 50% ของยอดขายรวมตลอดปี โดยแอร์ขนาด 13,000-18,000 BTU เป็นกลุ่มที่ขายดีที่สุด ทั้งนี้ในส่วนของอินเวอร์เตอร์ยังเป็นกลุ่มตลาดพรีเมี่ยม ราคายังสูงกว่ารุ่นปกติราว 15-20% แต่ทางแอลจีพร้อมเจาะตลาดอินเวอร์เตอร์ตั้งแต่ลูกค้าระดับกลางถึงบนขึ้นไป ซึ่งในส่วนของระดับบนนั้น มาพร้อมฟังก์ชั่นไวไฟ โดยตั้งเป้ายอดขายอินเวอร์เตอร์ฟังก์ชั่นดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 15,000 เครื่องในปีนี้

โดยล่าสุด เราได้เปิดตัวไลน์อัพเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ 3 รุ่น คือ IPC, IDC และ ICC ให้ความเย็นเพิ่ม 15% เร่งความเย็นเร็วขึ้น 40% พร้อมฟังก์ชั่นเชื่อมต่อไวไฟควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ราคาเริ่มตั้งแต่ 14,900-24,000 บาท ตั้งแต่ 9,000-24,000BTU มั่นใจว่าจะทำให้แอลจีมีส่วนแบ่งในกลุ่มอินเวอร์เตอร์เป็น 25% ขึ้นเป็นอันดับที่ 2 จากปีก่อนมีส่วนแบ่ง 9% อยู่ในอันดับที่ 4 ของตลาด และเชื่อว่าจะทำให้ก้าวขึ้นเป็นท็อป 3 ในตลาดแอร์รวมได้

ทั้งนี้  บริษัทยังได้ทุ่มงบ 300 ล้านบาท สำหรับการทำการตลาดทั้งออนไลน์และออนกราวนด์ รวมถึงเปิดตัวแบรนด์ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น มั่นใจว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 15% หรือกว่า 150,000 ยูนิต คิดเป็นรายได้กว่า 3,200 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 2,700 ล้านบาท โดยยอดขายแอร์คิดเป็น 20% ของรายได้รวมแอลจีทั้งหมด

นายฮิโตชิ ทานากะ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวว่า จากการเติบโตทางการตลาดที่ไดกิ้นอินเวอร์เตอร์มียอดขายเป็นอันดับ 1มาโดยตลอด นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์อันดับ 1 ของไทย ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ตอกย้ำภาพลักษณ์เครื่องปรับอากาศสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเราจึงมั่นใจว่าการเลือก ณเดชน์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จะช่วยกระตุ้นการรับรู้ของแอร์ไดกิ้นในตลาดต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดี

โดยในปีนี้ไดกิ้นเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด อาทิ เครื่องปรับอากาศใหม่ระบบ Inverter  รุ่นซุปเปอร์สไมล์  ที่เหมาะกับผู้บริโภคที่มองหาเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานสูงในราคาที่เหมาะสม คืนทุนเร็ว ระบบ Non-Inverter รุ่น สแมช ทู ครอบคลุมลูกค้าที่มีงบประมาณจำกัด และงานโครงการต่างๆ,เครื่องปรับอากาศสกายแอร์ (Sky air) แบบฝังใต้ฝ้า รุ่น 8-Way Cassette เน้นผู้บริโภคกลุ่มบ้านเดี่ยว, คอนโดมิเนียม ตลอดจนสำนักงานและร้านอาหารส่วนเครื่องปรับอากาศสกายแอร์ แบบแขวนใต้ฝ้า รุ่น FHNQ เน้นโครงการราชการ, ร้านค้า และอาคารพาณิชย์ ขณะที่เครื่องฟอกอากาศ ไดกิ้น เน้นกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความครบครัน ทั้งดูแลสุขภาพและอากาศ ขจัดเชื้อโรค และลดการเกิดภูมิแพ้

พร้อมกันนี้ ไดกิ้นยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวแทนจำหน่าย โดยพลิกโฉมร้านจำหน่ายเครื่องปรับอากาศแบบทั่วไปให้เป็น “ไดกิ้น โปรช็อป” ศูนย์จำหน่ายเครื่องปรับอากาศไดกิ้นเต็มรูปแบบ บริการติดตั้งและดูแล และบริการหลังการขายอย่างมืออาชีพ และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบปรับอากาศ ไดกิ้นจึงสร้าง “ไดกิ้น โซลูชั่น พลาซ่า” ศูนย์จัดแสดงนวัตกรรมระบบปรับอากาศแห่งแรกในประเทศไทย ที่รวบรวมสุดยอดนวัตกรรมเครื่องปรับอากาศไดกิ้นไว้ทุกรุ่น ถือเป็นการขยายการรับรู้ของแบรนด์ไดกิ้นให้เป็นที่รู้จักในทุกกลุ่ม

ปัจจุบันตลาดอินเวอร์เตอร์นั้นไดกิ้นเป็นผู้นำด้วยสัดส่วน32% ในปี2559 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 40% ในปี 2560 จากการที่ผู้บริโภคหันมาใช้แอร์ประหยัดพลังงานมากขึ้น และแนวโน้มราคาแอร์ในตลาดกลุ่มอินเวอร์เตอร์ที่ลดลง ขณะที่ตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยในเมืองไทย ยังคงเติบโตขึ้นทุกปี และมีมูลค่าตลาดสูงถึง เกือบ 1.6 ล้านเครื่อง โดยเติบโตจากปีที่ผ่านมา5%, 1.5 ล้านเครื่อง และคาดการณ์ว่าปี 2560 ซึ่งไดกิ้นน่าจะมียอดขายราว 1.1 หมื่นล้านบาท หรือโตขึ้น 20% ทั้งนี้มาจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขยายสำนักงานสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดของไดกิ้นที่ผ่านมา อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ