เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป รุกสงครามร้านอาหารชิงเม็ดเงินแสนล้าน เผยโฉม เอ็มเค ไลฟ์ (MK Live) แฟล็กชิพ สโตร์ แห่งแรกในประเทศไทย เจาะกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ที่มองหาประสบการณ์แปลกใหม่ และชอบความหลากหลาย ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำธุรกิจอาหาร เสริมพอร์ตธุรกิจแข็งแกร่ง ประเดิมสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเอ็ม ควอเทียร์ งัดกลยุทธ์เด็ดจัดเต็มวัตถุดิบที่ดีที่สุด สร้างสรรค์เมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟมัดใจผู้บริโภค
ฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจอาหารในเมืองไทย เปิดเผยว่า ในปี 2560 เอ็มเค กรุ๊ป เตรียมแผนรุกธุรกิจครั้งใหญ่ภายใต้การบริหารงานของทายาทรุ่นที่ 3 เพื่อเจาะแนวรบธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยที่จะมีมูลค่าทะยานขึ้นไปถึง 3.9 แสนล้านบาทในปีนี้ โดยปัจจุบัน เอ็มเค กรุ๊ป มีแบรนด์ร้านอาหารในเครือ 8 แบรนด์ ได้แก่ ร้านเอ็มเคสุกี้ ร้านเอ็มเคโกลด์ ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ ร้านมิยาซากิ เทปปันยากิ ร้านฮาคาตะราเมน ร้านอาหารไทย ณ สยาม ร้านอาหารไทยเลอสยาม และร้านกาแฟ-เบเกอรี่ อาหารไทยสไตล์ตะวันตก เลอเพอทิท คาเฟ่ มีจำนวนสาขารวมกันมากกว่า 600 แห่งทั่วประเทศไทย และขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
ล่าสุด บริษัททุ่มงบราว 10-20 ล้านบาท เปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่ เอ็มเค ไลฟ์ (MK Live) แฟล็กชิพ สโตร์ แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ของมื้ออาหารให้ผู้บริโภค รองรับกลุ่มลูกค้าสมัยใหม่ที่ประยุกต์ไลฟ์สไตล์เข้ากับมื้ออาหาร โดยยึดเอกลักษณ์ของแบรนด์เอ็มเคเป็นหัวใจหลัก ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอาหารที่ใส่ใจในผู้บริโภคและไม่หยุดยั้งการพัฒนา โดยใช้เวลาศึกษาและวางกลยุทธ์ด้านการตลาดจนมั่นใจว่า เอ็มเค ไลฟ์จะเป็นจุดขายและจุดแข็งชิ้นสำคัญตัวใหม่ในการรุกธุรกิจร้านอาหาร ช่วยเสริมพอร์ตธุรกิจของกลุ่มเอ็มเคให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งยกระดับแบรนด์ร้านอาหารเชนทั้งหมดในประเทศ
ด้าน ทานตะวัน ธีระโกเมน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ทายาทสาวรุ่นที่ 3 กล่าวเสริมว่า เอ็มเค ไลฟ์ ร้านสุกี้รูปแบบใหม่ เกิดขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ วัยทำงานตอนต้น และครอบครัวผู้ชื่นชอบการลองสิ่งใหม่ๆ โดยนำความหมายของคำว่า LIVE คือความสดใหม่ ความมีชีวิตชีวา มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการรังสรรค์ส่วนต่างๆ ของร้าน อาทิ การออกแบบร้านที่นำรูปแบบเรือนกระจกของฟาร์มปลูกผักมาเป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่ง เน้นวัสดุจากธรรมชาติในการนำมาตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น ไม้ ต้นไม้ หิน รวมถึงดิสเพลย์ปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ที่ผนังร้าน
