เดินหน้าลุยงานเต็มที่ หลังเข้ารับตำแหน่ง ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ {quot}กฤษดา รักษากุล{quot} สั่งการนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้ 2 เรื่องด้วยกัน 1. แก้ไขปัญหาการขายโครงการบ้านเอื้ออาทรที่แล้วเสร็จพร้อมขาย และ 2. อาคารที่การเคหะฯ ซื้อคืนมาจากสถาบันการเงิน เนื่องจากลูกค้าไม่ผ่อนชำระตามกำหนดเวลา รวมทั้งเตรียมความพร้อมขายโครงการต่างๆ ของปีงบประมาณใหม่ 2557 โดยมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จรวมทั้งที่ซื้อคืนมาทั้งสิ้นประมาณ 18,000 ยูนิต
โดยได้มอบหมายให้นางพรรรณสุภา ยุทธภัณฑ์บริภาร รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ไปดำเนินการโดยตั้งทีมงาน ทีม การตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านเอื้ออาทร และใช้วิธีขายแบบไดเรกต์เซล หรือจัดจ้างบริษัทเอกชนขายที่จะพิจารณาเป็นกรณีไป ส่วนโครงการ {quot}มหกรรมขายบ้านเอื้ออาทร{quot} ยกเลิกทันทีไม่มีอีกแล้ว
และยังมีนโยบายที่มอบให้รองผู้ว่า การการเคหะฯ ไปทำให้แล้วเสร็จ คือ เตรียมความพร้อมการตลาดโครงการตาม แผนพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ซึ่งทางฝ่ายการตลาดและขาย คาดว่า หากได้รับ การพิจารณาจากคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ ฝ่ายการตลาดก็พร้อมขายก่อนการก่อสร้างทันที
ทั้งนี้ เป้าหมายการขายโครงการ ตามแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ที่จะประเดิมเปิดขายในครั้งแรกนี้ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 90% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการจัดทำโครงการที่นำเสนอไป ซึ่งครั้งนี้จะเป็นปรากฏการณ์ของการเคหะแห่งชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เรื่องการขายโครงการ ใหม่ ที่ไม่ใช่บ้านเอื้ออาทร ซึ่งทีมงานการเคหะฯ มั่นใจเต็มที่ว่าทำได้แน่นอน
{quot}เราจะทำสถิติให้เห็นว่าโครงการที่การเคหะฯ ขออนุมัติจัดทำนั้นเป็นที่ต้องการของประชาชนเปิดขายเท่าไหร่ก็หมด โดยเราจะให้ลูกค้าทำสัญญา และผ่อนดาวน์ได้เลย{quot}
สำหรับโครงการตามแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ที่คาดว่าจะทำการก่อสร้างก่อน หากได้รับการอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรี ในเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร คือ โครงการที่ลาดกระบัง เป็นอาคารชุด จำนวน 2,600 ยูนิต มีลิฟต์อำนวยความสะดวก, โครงการศรีนวมินทร์ (แฮปปี้แลนด์) เป็นคอนโดมิเนียมที่นำมาปรับปรุงขาย 72 หน่วย และอาคารห้องแถว 18 หน่วย, โครงการที่บางขุนเทียนมีทั้งหมด 3 เฟสด้วยกันประมาณกว่า 800 ยูนิต ซึ่งจะแบ่งขายและก่อสร้างในเฟสแรกก่อน 10 อาคาร จำนวน 558 ยูนิต โดยจะเริ่มต้นปี 2557 หลังจากนั้นจะทยอยขายและก่อสร้าง, ส่วนโครงการในพื้นที่ปริมณฑล คือ โครงการที่ซอยวัดกู้ ได้แก่ โครงการ กรีนเพลส ปากเกร็ด เป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 1,070 ยูนิต และโครงการวัดกู้ 3 เป็นโครงการเคหะชุมชนอีกประมาณ 680 ยูนิต และในโซนพื้นที่ต่างจังหวัด ก็จะเริ่ม ที่จังหวัดที่มีความต้องการสูง อาทิ ภูเก็ต, ชลบุรี และเชียงใหม่ ซึ่งแต่ละแห่งต้องมีการวางแผนการขายที่ชัดเจนแม่นยำและ ขายได้แน่นอน เพราะฐานลูกค้าเดิมได้มีการแสดงความจำนงไว้แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลูกค้าเก่า ที่เคยจองโครงการกับการเคหะแห่งชาติไว้ แต่โครงการไม่ได้ก่อสร้างภายใน กำหนดเวลาตามสัญญาจอง การเคหะฯ จะเชิญลูกค้ามารับเงินจองคืน แต่หากในกรณีที่ลูกค้ายังต้องการซื้อโครงการต่อ การเคหะฯ ก็จะให้สิทธิ์ในการซื้อก่อนลูกค้า ใหม่ แต่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขราคาใหม่ที่การเคหะฯ กำหนดตามสถานการณ์ ปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 กันยายนที้ผ่านมา ผู้ว่าการ การเคหะฯได้ปรับแผนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ใหม่ โดยกำหนดกรอบแผนงานเป็นช่วงปีงบประมาณ 2557-2560 จำนวน 96 โครงการ จำนวน 49,769 หน่วย วงเงินรวม 34,198 ล้านบาท แบ่ง เป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 40 โครงการ 31,698 หน่วย และภูมิภาค 56 โครงการ 18,071 หน่วย ซึ่งมีแหล่งเงินมาจาก 3 ส่วน คือ เงินกู้ในประเทศ เงินอุดหนุนจากรัฐบาลและรายได้ของ กคช. เอง โดยเฟสแรกจะรวบแผนงานปีงบประมาณ 2556-2557 เข้ามาไว้ในปีงบประมาณ 2557 เพียงปีเดียว เบ็ดเสร็จ ซึ่งจะต้องพัฒนาทั้งหมด 47 โครงการ จำนวน 20,611 หน่วย