คอนโดฯ ราคาต่ำ 1.5 ล้าน ผุดรับแรงงานในนิคมฯ

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คอนโดฯ ราคาต่ำ 1.5 ล้าน ผุดรับแรงงานในนิคมฯ


ผลวิจัย {quot}นิคมอุตสาหกรรมกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์{quot} ใน 5 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ ระยอง, ชลบุรี, ปราจีนบุรี, ขอนแก่น และนครราชสีมา พบว่า นิคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการลงทุน จากต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นและจีน ส่งผลให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท มีปริมาณที่ตรงกับความต้องการซื้อสูงสุด เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ทำงานในนิคมฯ นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม นักลงทุนที่นิยมซื้อไว้ปล่อยให้เช่า ส่วนบ้านเดี่ยวกับทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังขายได้ดี
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จากข้อมูลล่าสุดของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รายงานยอดรับการส่งเสริมการลงทุน ณ เดือนสิงหาคม 2556 มีมูลค่าสูงถึง 7 แสนล้าน บาท ขยายตัว 15% จากช่วงเดียวกันของ ปีก่อน โดยมีกลุ่มนักลงทุนจากญี่ปุ่นและจีนเข้ามาลงทุนมากที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่ามูลค่ารวมของภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณสูงถึง 3.9 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 35% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความ ได้เปรียบด้านสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนทั้งในเรื่องทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางอาเซียน มีความพร้อมด้านแรงงานที่มีประสิทธิภาพ และมีระบบลอจิสติกส์ที่ทันสมัยทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ปัจจัยดังกล่าวสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนจัดตั้งบริษัท สร้างฐานการผลิต และ เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าในภูมิภาคเอเชีย
จากข้อมูลการวิจัยหัวข้อ {quot}นิคมอุตสาหกรรมกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์{quot} โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ทำการสำรวจใน 5 พื้นที่ ได้แก่ ระยอง, ชลบุรี, ปราจีนบุรี, ขอนแก่น และนครราชสีมา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวจัดอยู่จังหวัดรอบนอกที่ยังมีการลงทุนและพัฒนาในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบจำนวนปริมาณรวม 40,000 ยูนิต มีอัตรายอดขายสูงถึง 70% เป็นที่น่าสังเกต ว่าตลาดคอนโดมิเนียม มีปริมาณที่ตรงกับความต้องการซื้อสูงสุด โดยเฉพาะคอนโดฯ ราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มความต้องการหลักเป็นแรงงานที่ทำงานในนิคมฯ ซึ่งมีรายได้ไม่สูงนัก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในการเคลื่อนย้ายสถานที่ทำงานสูง จึงนิยมซื้อที่อยู่อาศัยราคาถูก
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักลงทุนที่นิยมซื้อไว้ปล่อยให้เช่าอีกจำนวนหนึ่ง และยังพบว่าบ้านเดี่ยวกับทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีความต้องการเช่นกัน ส่วนปริมาณแนวราบที่มีราคาระดับกลาง กลุ่ม 3-5 ล้านบาท ยังไปได้ดีในบางพื้นที่
นอกจากความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมสามารถตอบรับได้ดีแล้ว ยังมีปัจจัยการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์จากภาครัฐที่สนับสนุนให้เกิดการลงทุนรองรับการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 อาทิ โครงการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมสายใหม่อย่างถนนสาย R1 โครงการถนนสายกรุงเทพฯ-พนมเปญ-โฮจิมินห์ซิตี้ -วังเตา (กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี-อรัญประเทศ), R2 โครงข่ายถนนเชื่อมโยงแนวตะวันออก-ตะวันตก ไทย-ลาว-เวียดนาม (แม่สอด-มุกดาหาร) และ R3 โครงการถนนสายเชียงราย-คุนหมิงผ่านลาวและพม่า (เชียงราย-เชียงของ) โครงการขยายสนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง (คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2557) โครงการขยายท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 (คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ภายในปี 2564) โครงการรถไฟความเร็วสูงไปยังภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ รวมถึงแนวทางการพัฒนาเมืองใหม่ในรัศมี 6-10 ตารางกิโลเมตรรอบสถานี (ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาร่วมกันระหว่างสำนักงาน นโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกรมโยธาธิการและผังเมือง) เมื่อโครงการแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นสิ่งดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี จากความพร้อมของประเทศด้านระบบลอจิสติกส์ที่ทันสมัยประกอบกับทำเลที่ตั้งและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการลงทุน
นายภูมิภักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมยังคงเติบโตต่อเนื่องและมีการขยายฐานการผลิตไปยังจังหวัด หัวเมืองหลักที่มีสภาพเอื้ออำนวยต่อการลงทุน ส่งผลให้เกิดการขยายตัวรวดเร็วของระบบเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความต้องการโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ได้รับอานิสงส์จากการขยายการลงทุนอุตสาหกรรมในภูมิภาค โดยตลาดที่เติบโตก่อน ในช่วงแรกคือตลาดเช่าอย่างอพาร์ตเมนต์หรือบ้านเช่าจะเป็นตัวเลือกที่สาคัญและสามารถตอบสนองความต้องการของแรงงานที่เป็นประชากรแฝงได้ดีที่สุด เมื่อประชากรเหล่านี้เริ่มเกิดความเชื่อมั่นในระยะ 2-3 ปี จะเกิดความต้องการการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการแข่งขันหรือการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยในนิคมฯ อยู่บ้าง อาทิ ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณนิคมฯ นั้น ส่วนใหญ่เป็นแรงงานแฝงที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม การย้ายฐานการผลิตของบริษัทขนาดใหญ่ในนิคมฯ จะส่งผลโดยตรงต่อการเคลื่อนย้ายแรงงานซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก รวมถึงการแข่งขันของผู้พัฒนา อสังหาริมทรัพย์เอง ซึ่งอาจจะเป็นเจ้าของนิคมฯ หรือเป็นการร่วมทุนระหว่างเจ้าของนิคมฯ กับเอกชนหรือการเคหะจากภาครัฐ ซึ่งมีความได้เปรียบด้านต้นทุน ราคาที่ดินที่ต่ำกว่ารายอื่น อีกทั้งบริษัทในนิคมฯ บางแห่งยังมีการสร้างบ้านพักสวัสดิการไว้รองรับพนักงานอีกด้วย


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ