คนกรุงกว่า 61% ยังต้องการซื้อที่อยู่อาศัยราคา 1-2 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อเดือน ปีหน้าใครซื้อบ้าน-คอนโดฯ ต้อง เก็บเงินออมให้เป็น แบงก์เอาแน่ เงินดาวน์ ขั้นต่ำ 10%
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีหน้าว่า ราคาบ้านและคอนโดมิเนียมขึ้นแน่นอน เฉพาะในส่วนของบริษัทขึ้นอีก 3-5% เพื่อให้สอดรับกับตลาดโดยรวมที่คาดว่าจะปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 5% เนื่องจากผู้ประกอบการประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานในการก่อสร้าง ส่งผลให้มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แต่ละค่ายผู้ประกอบการจึงเร่ง หาทางออก โดยสำหรับบริษัทแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการหันมาใช้วัสดุสำเร็จรูปมากขึ้นถึง 70% ของการก่อสร้าง
ขณะเดียวกันก็ได้เจรจากับผู้พัฒนา อสังหาริมทรัพย์ และสถาบันการเงิน เพื่อปรับเงินดาวน์ขั้นต่ำในการซื้อบ้านและคอนโดฯ เป็น 10-15% ขึ้นไป ซึ่งเห็น ว่าเป็นระดับที่เหมาะสม เนื่องจากปีที่ผ่านมา หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในส่วนของบ้านและคอนโดฯ ที่มีเงินดาวน์ ต่ำกว่า 10% นั้น เพิ่มสูงขึ้น และมีทิศทางที่จะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่มีการออมเงินที่เป็นระบบในการผ่อนชำระ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพิ่มสูงขึ้นตามค่าครองชีพอีกด้วย
{quot}ที่ผ่านมาได้พูดคุยกัน ระหว่างผู้ประกอบการและธนาคาร ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออยู่แล้ว ส่วนผู้ประกอบการนั้น ก็ต้องเพิ่มเงินดาวน์อย่างน้อยให้อยู่ที่ 10% ซึ่งปัจจุบันมีบางโครงการเงินดาวน์ต่ำเพียง 5% เท่านั้น{quot}
ด้านนายรุ่งอนันต์ ลิ่มทองแท่ง ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 29 ซึ่งถือว่าเป็นงานส่งท้ายปีนี้ กล่าวว่า บรรยากาศตลอด 4 วันของการจัดงาน ผู้บริโภคที่เข้าชมงานยังคงเป็นผู้ที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการมองหาที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบและแนวสูงอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้บริโภคเข้าสอบถามเพื่อขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินชั้นนำในงานเป็นจำนวนมากอีกเช่นกัน ถึงแม้การจัดงานในครั้งนี้จะมีปัจจัยจากเหตุการณ์ภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อยอดผู้เข้าชมงานบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ถึงแม้ว่ายอดผู้ชมงานลดลงกว่าครั้งก่อน 10% แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง ดูจากยอดการขอสินเชื่อในงานกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าครั้งที่แล้วมากถึง 20%
{quot}จากข้อมูลการลงทะเบียนผู้เข้าชมงาน ทำให้ทราบข้อมูลเชิงลึกว่า ผู้เข้าชมงานกว่า 37.33% เป็นผู้ที่เคยมาชมงานในครั้งก่อน และอีกประมาณ 62.67% เป็นผู้เข้าชมงานมหกรรมฯ เป็น ครั้งแรก อาชีพของผู้เข้าชมงานส่วนใหญ 55.25% มีอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน รองลงมาอาชีพเจ้าของกิจการ 11.15% ที่เหลือมีอาชีพรับราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ค้าขาย (วิชาชีพอิสระ เช่น แพทย์ วิศวกร สถาปนิก) เป็นต้น{quot}
นอกจากนี้พบว่ารายได้ของครอบครัวต่อเดือน ส่วนใหญ่ 44.66% มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท อีก 30.66% มีรายได้อยู่ระหว่าง 3-5 หมื่นบาท และ 10.36% มีรายได้ 5-7 หมื่นบาท โดยผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ 61.67% มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ รองลงมา คือ นนทบุรี ประมาณ 10.3% หากรวมกรุงเทพฯ และ 5 จังหวัด ปริมณฑลจะมีประมาณ 85.16% ลักษณะที่อยู่อาศัยในปัจจุบันของผู้เข้าชมงาน ส่วนใหญ่ 35.45% เป็นบ้านเดี่ยว 16.80% เป็นหอพัก, แฟลต, อพาร์ตเมนต์ 16.65% เป็นทาวน์เฮาส์ 16.29% เป็นคอนโดมิเนียม และ 11.03% เป็นอาคารพาณิชย์
ผลสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้ลงทะเบียนเข้าชมงาน จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้บริโภคมีความต้องซื้อที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว 38.88% คอนโดมิเนียม 35.55% ทาวน์เฮาส์ 17.08% ซึ่งงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทเรียงลำดับตามความต้องการ คือ ความต้องการที่อยู่อาศัย ระดับราคา 1-2 ล้านบาท 39.13% ราคา 2-3 ล้านบาท 25.85% ต่ำกว่า 1 ล้านบาท 9.43% ราคา 3-4 ล้านบาท 13.50% และ 4-6 ล้านบาท 9.29% นายรุ่งอนันต์ กล่าว