ปัญหาราคาสร้างบ้านปีหน้าปรับตัวขึ้นแน่ 5-10% ตามราคาวัสดุก่อสร้างที่จ่อขยับตัวในปลายปีนี้ ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งหามาตรการแก้ไข โดยล่าสุดสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้มีการหารือกันแล้วในเบื้องต้น
“วิสิฐษ์ โมไนยพงศ์” นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวถึงทางออกในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางเพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาดังกล่าว เพื่อบรรเทาภาระของผู้บริโภค โดยการจัดทำแพ็กเกจสร้างบ้านแบบครบวงจรสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบ้าน นับตั้งแต่กระบวนการจัดหาที่ดิน ปรับถมดิน ปลูกสร้างบ้าน ตกแต่งภายใน และภายนอก รวมทั้งมาตรการหาสินเชื่อในวงเงินและดอกเบี้ยที่เหมาะสม โดยทางสมาคมฯ จะเป็นตัวกลางในการประสานงานสมาชิกของธุรกิจแต่ละประเภทที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายฐานตลาดรับสร้างบ้านให้ครอบคลุมทุกการบริการ อีกทั้งเป็นการเตรียมรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งคาดว่าจะมีปัจจัยที่น่ากังวลจากปัญหาในเรื่องของการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานฝีมือดี และทิศทางราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 5-10% โดยเฉพาะทราย และคอนกรีต หลังจากรัฐบาลชุดใหม่สั่งเดินหน้าโครงการลงทุนระบบสาธารณูปโภค ทำให้เกิดความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างปริมาณมากและอาจเกิดปัญหาขาดแคลนได้ กระทบกับผู้ประกอบการโดย ตรงจำเป็นต้องปรับราคาสร้างบ้านขึ้นอย่างแน่นอนในทิศทางเดียวกัน โดยจะเริ่มเห็นการปรับราคาในช่วงปลายปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปีหน้า
ด้านผู้ประกอบการ “พีดีเฮ้าส์” เผยบรรยากาศตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 3 แข่งเดือด ต้องเฝ้าระวังและปรับตัวตามภาวะตลาดและกำลังซื้อให้ทัน เน้นสร้างจุดขายแตกต่างจากคู่แข่ง 4 เดือนที่เหลือปี 57 นี้เน้นเจาะตลาดรับสร้างบ้านทำเลใหม่ๆ ต่างจังหวัด
“พิศาล ธรรมวิเศษ“ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาส 3 ปีนี้ พบว่ากำลังซื้อผู้บริโภคโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เริ่มชะลอตัวลงอีกครั้ง ขณะเดียวกันกำลังซื้อต่างจังหวัดในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดในภาคเหนือก็ชะลอตัวตามด้วยเช่นกัน สถานการณ์ดังกล่าว ประเมินได้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของประเทศ ที่ยังไม่ฟื้นตัวดังที่หลายๆ ฝ่ายคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ จึงควรเฝ้าระวังพร้อมปรับตัวตามทิศทางตลาดและกำลังซื้อผู้บริโภคที่มี สิ่งสำคัญคือ ควรหาแนวทางลดต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะต้นทุนค่าแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม และหันมาเน้นสร้างจุดขายของตัวเอง เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ
ระยะเวลาที่เหลือ 4 เดือนในปีนี้ พีดีเฮ้าส์จะให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าและตลาดรับสร้างบ้านเป็นสำคัญ ทั้งในแง่การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และขยายบริการรับสร้างบ้านให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าและกำลังซื้อใหม่ๆ อาทิ การนำเสนอแบบบ้านในสไตล์ใหม่ๆ ทั้งแบบย้อนยุคและอินเทรนด์ การเลือกระบบก่อสร้างและวัสดุที่เป็นอินโนเวชั่น การขยายสาขาในต่างจังหวัด ฯลฯ เป็นต้น
ขณะที่กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ เผยว่า กลุ่มสร้างบ้านหลังแรกยังมีความต้องการ เพราะจำเป็นต้องมีบ้านเป็นของตนเอง
“วรพจน์ เอี่ยมสุวรรณ” กรรมการบริหารสายงานการตลาด กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ กล่าวว่าบ้านกลุ่มระดับราคา 3-5 ล้านบาท ยังคงได้รับความนิยมและมีความต้องการในการปลูกสร้างมากที่สุด เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่สร้างบ้านหลังแรก จึงทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างบ้าน รองลงมาคือบ้านระดับราคาตั้งแต่ 1-3 ล้านบาท และบ้านในระดับราคา 6 ล้านบาทขึ้นไป ตามลำดับและขณะนี้เป็นช่วงเวลาและจังหวะที่เหมาะสมในการตัดสินใจสร้างบ้านก่อนมีการปรับขึ้นราคาตามวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงจัดแคมเปญส่วนลด และโปรโมชั่นกันอย่างดุเดือดในช่วงนี้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคได้บ้านคุณภาพในราคาที่เหมาะสมที่สุด วรพจน์ กล่าว
สำหรับแคมเปญที่จัดอยู่ในช่วงเวลานี้ “พีดีเฮ้าส์” ได้จัดกิจกรรมคืนกำไรให้แก่ลูกค้ามอบโชคลุ้นชิงรางวัลที่ 1 ส่วนลดเงินสด 40% (สูงสุด 4 ล้านบาท) จำนวน 1 รางวัล และรางวัลที่ 2 ลุ้นรับส่วนลดเงินสด 4 แสนบาท จำนวน 2 รางวัล รวมทั้งรางวัลอื่นๆ อีกมากมายรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท