Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 18 กรกฎาคม 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
อสังหาริมทรัพย์
ส.รับสร้างบ้าน ชี้ทิศตลาดรับสร้างบ้านโตแต่เหนื่อย
ส.รับสร้างบ้าน ชี้ทิศตลาดรับสร้างบ้านโตแต่เหนื่อย
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
Tweet
(22พ.ค.2559) - สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เชื่อภาพรวมธุรกิจยังเติบโตแต่ไม่หวือหวา หวั่นผู้ประกอบการขนาดกลาง-เล็กคุมต้นทุนไม่อยู่ แนะเร่งสร้างแบรนด์ บริหารสภาพคล่อง ชูความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่มีอยู่เพิ่มรายได้เข้าองค์กร
ธุรกิจรับสร้างบ้านอาจไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเหมือนกับธุรกิจบ้านจัดสรร แต่หากมองในมุมการเติบโตแล้วดูเหมือนว่าจะเติบโตแบบเงียบๆไม่หวือหวา แต่ในเชิงการแข่งขันก็พบว่าธุรกิจรับสร้างมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรงไม่แพ้ธุรกิจบ้านจัดสรร เพียงแต่หากเปรียบเทียบความเสี่ยงแล้วยังถือว่าต่ำ เพราะใช้เงินทุนไม่มากเมื่อเทียบกับธุรกิจบ้านจัดสรร
ทั้งนี่ ได้มีการประเมินกันว่าในแต่ละปีการปลูกสร้างบ้านเอง(ไม่ผ่านโครงการจัดสรร)ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีมูลค่าราวๆ 4-5 หมื่นล้านบาท มีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั้งใหญ่และเล็กอยู่รวมนับร้อยราย ยังไม่รวมผู้รับเหมาทั่วไปมีอีกนับไม่ถ้วน ซึ่งผู้รับเหมาเหล่านี้ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่เกือบ 80% ที่เหลือราวๆ20%เป็นของผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน
นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) กล่าวว่า ปัจจุบันภาพของธุรกิจรับสร้างบ้านมีความชัดเจนและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น ซึ่งต่างจากอดีตที่ภาพและความรู้สึกของผู้บริโภคทั่วไปที่มีต่อผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านกับผู้รับเหมาทั่วไปนั้นมักจะแยกไม่ค่อยออกเหมารวมเป็นเรื่องเดียวกัน ทั้งนี้ที่ภาพธุรกิจรับสร้างบ้านมีความชัดเจนขึ้นนั้น มาจากปัจจัยหลักๆ ดังนี้ 1.ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมีการสร้างแบรนด์ให้ตลาดผู้บริโภครับรู้มากขึ้น 2.คุณภาพงานก่อสร้าง 3.คุณภาพวัสดุที่ใช้ 4.ราคาก่อสร้างที่เหมาะสม และ 5.การรับประกันรวมถึงการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย
แนะเร่งสร้างแบรนด์-บริหารสภาพคล้อง-เพิ่มรายได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจที่มีอัตราการขยายตัวไม่หวือหวา แต่ก็เชื่อว่าตลาดโดยยังมีโอกาสขยายตัว เห็นได้จากประเภทที่อยู่อาศัยในตลาดบ้านสร้างเองมีราคาสูงขึ้นและตลาดใหญ่ขึ้น ประกอบกับทิศทางราคาเฉลี่ยต่อหลังของที่อยู่อาศัยในโครงการจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯและปริมณฑลสูงขึ้น รวมถึงราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นในกรุงเทพ ซึ่งนั่นสะท้อนถึงโอกาสสำหรับก่อสร้างที่อยู่อาศัยในตลาดบ้านสร้างเองบนที่ดินของผู้บริโภคนั้นจะมีมากขึ้น
“ตลาดบ้านสร้างเองมีการแข่งขันรุนแรงมาก ดังนั้นการให้ความสำคัญด้านการสร้างแบรนด์ และการสร้างความน่าเชื่อถือควบคู่ไปกับคุณภาพของงานให้กับกิจการมีความสำคัญยิ่ง ในขณะเดียวกันการบริหารสภาพคล่องทางการเงินยังเป็นความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรับสร้างบ้านขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุนหมุนเวียน” นายพิชิต กล่าวพร้อมกับขยายความว่า รูปแบบการรับรายได้ของธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นตามงวดงานดำเนินการก่อสร้าง ในขณะที่ต้นทุนการประกอบธุรกิจสูงขึ้น เช่นค่าแรง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ อีกทั้งหากในช่วงที่เหลือของปี 2559 หรือปีถัดๆไปความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐมีมากขึ้นและเดินไปตามแผนงานหรือนโยบาย ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างก็จะมีมากขึ้นตาม ผลที่ตามมาก็คือ ราคาวัสดุก่อสร้างอาจปรับเพิ่มสูงขึ้นหรืออาจเกิดปัญหาด้านเทคนิคสินค้าขาดตลาด จากปัจจุบันราคาเหล็กโรงงานใหญ่ (มอก.)ก็ได้ปรับขึ้นมาแล้วค่อนข้างมากถึง18-19บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมเมื่อเดืvอมกราคม 2559 ราคาซื้อขายกันอยู่ที่ ที่ซื้อขายที่ราคา14-15 บาทต่อกิโลกรัม อาจเป็นเหตุให้ราคาวัสดุก่อสร้างในหมวดอื่นๆปรับตัวขึ้นตามและก่อให้เกิดเป็นต้นเหตุให้ต้นทุนสูงขึ้นสำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านตามมา และอาจส่งผลให้เผชิญกับปัญหาขาดสภาพคล่องได้
ดังนั้นการบริหารจัดการจำนวนคนงาน และการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างที่เหมาะสมเพื่อควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงการให้ความสำคัญกับการก่อสร้างอย่างรวดเร็วตามระยะเวลาที่กำหนดซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตลาดผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่เฉพาะด้านให้บริการที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มเติม เช่น เป็นที่ปรึกษา ตกแต่งภายใน ฯลฯ เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่กิจการได้สม่ำเสมอเพิ่มจากรายได้หลักที่ส่วนใหญ่รายได้เข้าสู่กิจการจะเป็นไปตามงวดงานดำเนินการก่อสร้าง
พร้อมกันนี้นายพิชิต ยังกล่าวในตอนท้ายว่า ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านต้องนำเสนอจุดขายในด้านความยืดหยุ่นการให้บริการที่มากกว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และต้องตีโจทย์ความต้องการและข้อจำกัดของลูกค้าแต่ละรายให้ออกควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งนี้เพราะจากข้อมูลของสมาคมฯนั้นพบว่าอันดับแรกๆที่ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านปลูกบ้านให้ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและความสะดวกรวดเร็ว ที่มีการทำงานอย่างเป็นระบบมากกว่าผู้รับเหมาทั่วไป เช่นการดำเนินการขออนุญาตด้านต่างๆกับหน่วยงานราชการประสานงานด้านสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
“โฮมโปร” เดินเกมรุก EEC ปักหมุดแลนด์มาร์...
...
พฤกษา - อินโน พรีคาสท์ ชู “พรีคาสท์” นวั...
...
NEPS ผนึก HUAWEI และ LONGi เปิดตัว “SOLA...
...
"ดูโฮม" รุกย่านธุรกิจ เปิด ‘สาขาเทพารักษ...
...
คอนโดฯ ใหม่สุดฮอต! “ศุภาลัย เซนส์ แจ้งวั...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ