นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 (COP 30) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่จัดขึ้น ณ เมืองเบเล็ง สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ได้ผ่านมาเป็นวันที่ 3 ซึ่งคณะผู้แทนไทยโดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ พร้อมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเจรจาอย่างต่อเนื่อง โดยมีความก้าวหน้าสำคัญด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนี้
(1) เร่งเจรจาประเด็นการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเติมเต็มช่องว่างการสนับสนุนด้านการเงินและเทคนิคให้ประเทศกำลังพัฒนา สามารถดำเนินการตามแผนการปรับตัวฯ แห่งชาติ ได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงเพิ่มการสนับสนุนเงินเพื่อจัดการด้านความสูญเสียและความเสียหายมากยิ่งขึ้น
.
(2)ประเทศภาคีมุ่งเจรจาแผนงานจัดการผลกระทบจากการใช้มาตรการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่อาจส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลก โดยร่วมหารือแผนการดำเนินงานและกรอบเวลาของคณะกรรมการ The Katowice Committee of Experts on the Impacts of the Implementation of Response Measures (KCI) คาดหวังให้เร่งศึกษาผลกระทบ เพื่อหาแนวทางจัดทำข้อตัดสินใจที่จะลดผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนาได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
(3) การกำหนดแนวทางการดำเนินงานของกองทุนสำหรับความสูญเสียและความเสียหาย (FrLD) ภาคีประเทศกำลังพัฒนา ประเทศพัฒนาแล้ว สำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาฯ และประเทศภาคีที่สนับสนุนเงินตั้งต้น ได้ริเริ่มหารือเพื่อตั้งเป้าหมายให้การเสนอขอเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ ของประเทศกำลังพัฒนาเกิดความรวดเร็ว ยืดหยุ่น และโปร่งใส
นายสุชาติ ชมกลิ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เปิด Thailand Pavilion จัดกิจกรรมคู่ขนานในการประชุม COP30 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ได้มีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายสาขา ครอบคลุมประเด็นสำคัญ อาทิ การออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อสร้างกลไกแห่งการฟื้นฟู และพัฒนาเมืองให้มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การยกระดับจาก คำมั่นสัญญาสู่การลงมือทำร่วมกัน ภายใต้ ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของอาเซียน การมีส่วนร่วมของเยาวชนในฐานะกระบอกเสียงสำคัญด้านการรณรงค์เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปิดท้ายด้วยการนำเสนอวิดีทัศน์จากเยาวชนไทย ถ่ายทอดมุมมองและแรงบันดาลใจในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ผ่านแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในสังคมไทย
ทั้งนี้ ท่านที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของการประชุม COP 30 และความเคลื่อนไหวใน Thailand Pavilion ได้ทาง Facebook กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม