เอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า หากมองย้อนกลับไปดูความเคลื่อนไหวของดัชนี S&P 500 จากอดีตจนถึงปลายปี 2024 จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีและการอยู่รอดหรือเติบโตขององค์กรธุรกิจมีความสัมพันธ์กันชัดเจน บางผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจไม่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ขณะที่ธุรกิจที่ยังคงอยู่ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากด้วยพลังของนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียหรือสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ เทคโนโลยีในระยะหลังอย่าง Generative AI หรือการเดินทางสู่อวกาศในเชิงพาณิชย์สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วมากเมื่อเทียบกับนวัตกรรมในยุคก่อน จึงยิ่งตอกย้ำความสำคัญของนวัตกรรมที่มีต่อองค์กรในยุคนี้
นอกจากภาคธุรกิจแล้ว กระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมเองก็เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีและแนวคิดในแต่ละยุค จากในยุค 90 ที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) ขยับมาสู่ยุค 2000 ที่นำหลักการ Design Thinking เข้ามาระบุปัญหา ทดลองหาวิธีแก้ และสร้างเป็นนวัตกรรม และต่อมาในช่วงทศวรรษ 2010 ที่ขยับมาเป็นแนวคิดแบบ Agile การจัดทีม-จัดเวลาทำโปรเจกต์ด้วยหลักการ Sprint และ Squad ก่อนจะนำมาสู่ปัจจุบัน ที่การสร้างนวัตกรรมจะต้องมี AI เป็นรากฐานสำคัญ ใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด และพัฒนาขึ้นในรูปแบบแพลตฟอร์ม ส่วนนวัตกรรมที่เกิดขึ้นนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ตามความสดใหม่ของเทคโนโลยีและผลที่มีต่อตลาด ดังนี้ 1. Incremental Innovation นวัตกรรมที่มีความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีไม่มาก และสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาดได้ไม่มากเช่นกัน เช่นการออกรถยนต์รุ่นใหม่ สินค้ารสชาติใหม่ 2. Sustaining Innovation นวัตกรรมที่รักษาความเป็นผู้นำตลาด เช่นการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปตัวใหม่ 3. Radical Innovation นวัตกรรมที่มีความสดใหม่มากๆ ทางเทคโนโลยี แต่ยังไม่สร้างกระแสความเปลี่ยนแปลงมากนักในตลาด เช่นสมาร์ทโฟนจอพับ และ 4. Disruptive Innovation ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ทรงพลังที่สุด พลิกโฉมอุตสาหกรรมได้มากที่สุด เช่นการมาถึงของบริการ ride sharing ต่างๆ ที่นำความสามารถหลากหลายของสมาร์ทโฟนมาต่อยอดเป็นบริการที่ตอบโจทย์ด้านการเดินทางในชีวิตประจำวันได้ โดยที่เจ้าของบริการไม่ต้องลงทุนซื้อรถมาบริการลูกค้าแม้แต่คันเดียว
การสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในองค์กร ไม่เพียงอาศัยทักษะความสามารถของนวัตกร แต่องค์กรยังต้องมีระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม ภายใต้วิสัยทัศน์และการสนับสนุนจากผู้นำองค์กร ตลอดจนความร่วมมือของพนักงานทุกคน เพื่อผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยี โดยเฉพาะดิจิทัลและ AI ไปใช้จริง ก่อเกิดนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายและความไม่แน่นอนที่องค์กรต้องเผชิญ โดยคุณเอกราชได้ทิ้งท้าย 3 องค์ประกอบสำคัญ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม ได้แก่ กำหนดและวางแผนครอบคลุมทุกมิติ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกความเป็นไปได้ ทั้งโอกาสและความเสี่ยงรอบด้าน กล้าทดลอง กล้าทำสิ่งใหม่ๆ ซึ่งองค์กรอาจต้องปรับเปลี่ยนกฎระเบียบ วิถีปฏิบัติ และกระบวนการต่างๆ ให้เหมาะสมออกแบบองค์กรให้ยืดหยุ่น พร้อมเรียนรู้และปรับเปลี่ยนตัวเอง ทั้งยังยอมรับได้ในความล้มเหลวที่เป็นประสบการณ์ให้ได้เรียนรู้และเติบโต