บี.กริม เพาเวอร์ เดินหน้าเปิด COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินอู่ตะเภา (เฟส 1) กำลังการผลิตติดตั้งรวม 18 เมกะวัตต์

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568

บี.กริม เพาเวอร์ เดินหน้าเปิด COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินอู่ตะเภา (เฟส 1) กำลังการผลิตติดตั้งรวม 18 เมกะวัตต์


บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ประกาศเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินอู่ตะเภา (เฟส 1) กำลังการผลิตติดตั้งรวม 18 เมกะวัตต์ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นในการวางมาตรฐานการผลิตพลังงานหมุนเวียน และเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศไทยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินอู่ตะเภา (เฟส 1) ตั้งอยู่ที่ราชพัสดุภายในพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เนื้อที่ 100 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้โครงการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกและท่าอากาศยานอู่ตะเภา ตามนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (“EEC”) โดยมีสัญญาเช่าระยะเวลา 25 ปี นับเป็นโครงการภาคเอกชนรายแรกที่ได้รับใบอนุญาตและอนุมัติครบถ้วนสำหรับการดำเนินการเชิงพาณิชย์ ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานของ EEC สะท้อนถึงบทบาทของบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ในการเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดและสนับสนุนนโยบายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินอู่ตะเภา (เฟส 1) อยู่ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะเวลา 25 ปี กับการไฟฟ้าสัตหีบ สวัสดิการกองทัพเรือ มีกำลังการผลิตตามสัญญา 15 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นสัญญาที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างโปร่งใสในการประมูลเมื่อปี พ.ศ. 2562 อันเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการไฟฟ้าสัตหีบ สวัสดิการกองทัพเรือ และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) โดยภายใต้สัญญานี้ โครงการจะจำหน่ายไฟฟ้าที่อัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่าอัตราค่าไฟฟ้า TOU เดิม 15.16% ซึ่งจะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าแก่การไฟฟ้าสัตหีบ สวัสดิการกองทัพเรือ 
โครงการนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในเชิงกลยุทธ์ด้านการผลิตพลังงานหมุนเวียนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศ เพราะไม่เพียงเป็นโครงการแรกของประเทศไทยที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของพื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ยังก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาว ทั้งรายได้จากการเช่าที่ดิน ความคงที่ของอัตราค่าไฟฟ้า รวมถึงมีระบบผลิตไฟฟ้าและระบบส่งที่มีความทันสมัย โดยไม่เป็นภาระแก่งบประมาณของรัฐ อีกทั้งความสำเร็จในการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการ ยังถือเป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำบทบาทของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการสนับสนุนเป้าหมายพลังงานหมุนเวียนของประเทศ และสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนของ บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งมุ่งมั่นสร้างฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ควบคู่กับการสร้างแพลตฟอร์มพลังงานหมุนเวียนระดับโลกที่มีความหลากหลาย 

โดยปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ ยังคงเดินหน้าแสวงหาโอกาสการลงทุนในตลาดที่มีศักยภาพสูงในเชิงกลยุทธ์ เช่น สาธารณรัฐเกาหลี ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ประเทศไทย และประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และตะวันออกกลาง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของบริษัทในการมุ่งมั่นเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดระดับโลก นอกจากนี้ยังดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยสนับสนุนหน่วยงานและบุคลากรด้านความมั่นคง เช่น โครงการโรงไฟฟ้าแก่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2560 รวมถึงการมอบทุนการศึกษา จำนวน 1,000 ทุนต่อปี ให้แก่สถาบันการพยาบาลของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการประกอบธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล ตลอดจนการสร้างประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างยั่งยืน



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ