วันนี้ (25 กันยายน 2568) นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมด้วย กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที - พีแอล และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน PMCSC 1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ร่วมแสดงเจตจำนงค์ขออภัยประชาชนทุกท่านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ถนนสามเสนทรุดตัว บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 เป็นต้นมา
โดย รฟม. และผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธา ยืนยันพร้อมรับผิดชอบ ดูแลแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และจะเยียวยาประชาชน ตลอดจนทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างดีที่สุด โดย รฟม. ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและเยียวยาผู้รับผลกระทบ โดยจะเร่งประชาสัมพันธ์ และลงพื้นที่ดูแลทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบทันที
นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับให้ รฟม. ตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. เพื่อยืนยันความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน โดย รฟม. ได้ดำเนินการตรวจสอบในจุดต่างๆ แล้ว ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานการก่อสร้าง
ในส่วนของการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รฟม. ขอเรียนชี้แจงรายละเอียดลำดับเหตุการณ์ ดังนี้
เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. เริ่มมีผู้สังเกตเห็นถนนสามเสน บริเวณทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล มีการทรุดตัวประมาณ 20 เซนติเมตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน ช่วงเตาปูน - หอสมุดแห่งชาติ ต่อมาเวลาประมาณ 05.30 น. เริ่มมีน้ำเอ่อท่วมถนนที่มีการทรุดตัวเนื่องจากมีท่อประปาแตก จึงได้แจ้งการประปานครหลวงให้ทราบ เพื่อเข้าแก้ไขสถานการณ์ กระทั่งเวลา 07.00 น. พื้นถนนสามเสนเริ่มทรุดตัวตกลงเป็นโพรง และขยายวงกว้างเรื่อยๆ เสาไฟฟ้าถูกดึงลงด้านล่างของถนน ไฟฟ้าเริ่มดับ และเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ จนต้องปิดการจราจรตั้งแต่แยกวชิระถึงแยกซังฮี้ ผิวจราจรทรุดตัวลึกกว่า 0.50 เมตร เป็นวงกว้าง รถยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ และในเวลาต่อมาผิวจราจรได้ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดหลุมยุบขนาดประมาณ 30 x 30 เมตร ความลึก 20 เมตร หลุมยุบนี้อยู่ติดกับด้านทิศเหนือของโครงสร้างสถานีรถไฟฟ้าวชิรพยาบาล
ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีงานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าวชิรพยาบาล และอุโมงค์ทางวิ่ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอก 6.30 เมตร เป็นอุโมงค์แบบซ้อนกัน บน-ล่าง (Stacked Tunnels) ซึ่งโครงสร้างงานโยธาหลักทั้งหมดแล้วเสร็จมากว่า 3 เดือนแล้ว คงเหลือเพียงงานด้านสถาปัตยกรรม การติดตั้งงานระบบไฟฟ้าเครื่องกล และคืนพื้นผิวจราจรเท่านั้น แต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์พบว่า ดินและน้ำจากท่อประปาและท่อระบายน้ำปริมาณมากได้ไหลเข้าไปสะสมอยู่ในโครงสร้างสถานีรถไฟฟ้าวชิรพยาบาล เป็นระยะยาว 50 เมตร รวมถึงอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้า ซึ่งในเบื้องต้นสัญนิษฐานว่า อาจเกิดจากมีน้ำประปารั่วในชั้นดิน ร่วมกับเหตุจากฝนตกหนักต่อเนื่องทุกวัน ทำให้ชั้นดินแข็งระหว่างอุโมงค์ทางวิ่งทั้ง 2 ชั้น เสียเสถียรภาพ และเกิดการทรุดตัวของดินรอบสถานีอย่างรวดเร็วและมากผิดปกติ จนส่งผลให้ท่อน้ำประปาขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2 เมตร ฉีกขาด มีน้ำรั่วออกมาและมีแรงดันสูงมาก ทำให้ดินข้างเคียงเสียเสถียรสภาพไหลลงเข้าในสถานีรถไฟฟ้า ผ่านช่องว่างระหว่างขอบอุโมงค์กับโครงสร้างสถานีรถไฟฟ้า และด้วยแรงดันมหาศาลทำให้ช่องว่างนี้ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ดินและน้ำจำนวนมากที่ไหลเข้าไปในสถานีและอุโมงค์ทำให้พื้นผิวถนนข้างสถานีทรุดตัวเป็นวงกว้างเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ดังกล่าว
ในส่วนของการแก้ไขสถานการณ์ รฟม. ตั้งเป้าหมายที่จะหยุดการเคลื่อนตัวของดินให้ได้เร็วที่สุด เพื่อจำกัดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่ให้ขยายตัวอีก โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ ได้เร่งดำเนินการปิดจุดที่ดินและน้ำรั่วเข้าอุโมงค์รถไฟฟ้าบริเวณผนัง D-Wall สถานีด้านทิศเหนือ โดยใช้วิธีถมถุงทรายลงไปปิดรอยรั่วของอุโมงค์ประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตร และถมหินคลุก แล้วเทคอนกรีตหนา 3-4 เมตร เพื่อป้องกันการไหลของดินเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าและอุโมงค์ จากนั้นจึงทำการถมทรายขึ้นมาจนถึงระดับดินเดิมแล้วคืนสภาพผิวจราจร
ปัจจุบัน รฟม. ได้ประชุมร่วมกับ ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธา กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที - พีแอล และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน PMCSC 1 รวมถึงผู้ออกแบบ บริษัท AECOM ซึ่งเป็นดีไซเนอร์ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาแล้ว มีข้อสรุปว่า จะเร่งดำเนินการแก้ไขเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย
ระยะที่ 1 เร่งการคืนสภาพผิวจราจรภายใน 14 วัน เพื่อลดผลกระทบด้านจราจรให้ประชาชน
ระยะที่ 2 : เร่งดำเนินการซ่อมแซมโครงสร้างอาคารโดยรอบที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งผู้รับจ้างจะรับผิดชอบดูแลแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว รวมถึงจะเยียวยาประชาชน ตลอดจนทุกภาคส่วนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ รฟม. ขอให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่า ทุกๆ การดำเนินงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ของ รฟม. ได้ดำเนินการภายใต้มาตรฐานการก่อสร้าง มีการออกแบบ ควบคุมการก่อสร้าง และความปลอดภัยตามหลักวิศวกรรมทุกขั้นตอน โดยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รฟม. และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจะร่วมกันตรวจเพื่อหาต้นตอต้นเหตุที่แท้จริง เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก