การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เดินหน้าพัฒนาท่าเรือกรุงเทพฝั่งตะวันตกสู่ “ท่าเรืออัจฉริยะ” (SMART PORT) ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและระบบกึ่งอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ลดการใช้พลังงาน และเสริมความยั่งยืนด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม มุ่งยกระดับมาตรฐานสู่ท่าเรือชั้นนำของโลก พร้อมเปิดเวทีเชิญชวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมแสดงความคิดเห็นต่อรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ในวันที่ 11 กันยายน 2568 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรม แรมแบรนดท์ กรุงเทพฯ
โดยได้เปิดโอกาสให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม องค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ ผู้นำชุมชน และประชาชนโดยรอบพื้นที่ท่าเรือ เข้าร่วมงานเพื่อให้การพัฒนาโครงการเป็นไปอย่างโปร่งใส รอบด้าน และรับฟังข้อห่วงกังวล และข้อเสนอแนะ ที่ กทท. จะรวบรวมและนำมาปรับปรุงแนวทางการทำงาน เพื่อให้ประชาชนในชุมชนโดยรอบมีความมั่นใจในการพัฒนาโครงการ และได้รับทราบผลกระทบและแนวทางการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน ตลอดจนสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในการพัฒนาโครงการสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน
นายแถมสิน ศรีบางพลีน้อย รองผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เปิดเผยว่า กทท. ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของชุมชนรอบท่าเรือ จึงได้ดำเนินการจัดทำรายงาน EHIA ตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด โดยการจัดทำรายงาน EHIA ให้ความสำคัญกับการศึกษาสิ่งแวดล้อม 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่
• ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ : ศึกษาด้านสภาพภูมิประเทศ ทรัพยากรดิน ธรณีวิทยาและแผ่นดินไหว สภาพภูมิอากาศ อุตุนิยมวิทยาและคุณภาพอากาศ เสียง ความสั่นสะเทือน อุทกวิทยาและคุณภาพน้ำผิวดิน อุทกธรณีวิทยาและคุณภาพน้ำใต้ดิน และอุทกพลศาสตร์
• ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ : ศึกษาทรัพยากรชีวภาพบนบก และทรัพยากรชีวภาพในน้ำ
• การใช้ประโยชน์และการจัดการสิ่งแวดล้อม : ศึกษาการใช้ประโยชน์ที่ดิน การคมนาคมขนส่ง การใช้น้ำ การจัดการน้ำเสีย การระบายน้ำและการป้องกันน้ำท่วม การใช้ไฟฟ้า และการจัดการขยะมูลฝอยและกากของเสีย
• การพัฒนาคุณภาพชีวิต : ศึกษาด้านเศรษฐกิจ-สังคม การสาธารณสุข อาชีวอนามัยและความปลอดภัย การท่องเที่ยวและทัศนียภาพ และแหล่งโบราณคดีโบราณสถานและประวัติศาสตร์
“กทท. มุ่งมั่นพัฒนาท่าเรือกึ่งอัตโนมัติให้ก้าวสู่ SMART PORT & GREEN PORT โดยคำนึงถึงสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ท่าเรือไทยเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่กับการรักษาคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของสังคม นายแถมสิน ศรีบางพลีน้อย กล่าว
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพฝั่งตะวันตกจะมีการติดตั้งเครื่องมือทุ่นแรงอัตโนมัติ 2 ประเภท ได้แก่ AUTOMATED RAIL MOUNTED GANTRY CRANE (ARMG) และAUTOMATED SHIP-TO-SHORE CRANE (STS) ตลอดแนวท่าเทียบเรือยาวประมาณ 634 เมตร ครอบคลุมพื้นที่หน้าท่าประมาณ 29,100 ตารางเมตรหรือ 18.19 ไร่ และปรับปรุงพื้นที่หลังท่ารวมกว่า 176,023 ตารางเมตร หรือ 110 ไร่ เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ในบริเวณลานวางตู้สินค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นการขยายขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ยกระดับภาพลักษณ์องค์กรในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ทันสมัยตามมาตรฐานสากลและสร้างความพึงพอใจระดับสูงแก่ลูกค้าในอนาคต โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการระยะที่ 1 ในปี 2573
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนความตั้งใจของ กทท. ในการพัฒนาท่าเรืออย่างรับผิดชอบ โปร่งใส และตอบสนองต่อความห่วงใยของทุกภาคส่วน พร้อมเดินหน้าสร้างท่าเรือแห่งอนาคตที่ทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน