เปิดวิสัยทัศน์ “ณัฐกร วุฒิชัยพรกุล” นายกสมาคม PUBAT คนใหม่ เดินหน้าดันไทยสู่ฮับหนังสือเอเชีย แนะรัฐบาลเพิ่มงบซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดทั่วประเทศ เพื่อให้ราคาหนังสือถูกลง กระตุ้นการอ่านมากขึ้น

วันอังคารที่ 09 กันยายน พ.ศ. 2568

เปิดวิสัยทัศน์ “ณัฐกร วุฒิชัยพรกุล” นายกสมาคม PUBAT คนใหม่ เดินหน้าดันไทยสู่ฮับหนังสือเอเชีย แนะรัฐบาลเพิ่มงบซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดทั่วประเทศ เพื่อให้ราคาหนังสือถูกลง กระตุ้นการอ่านมากขึ้น


เปิดใจ “ณัฐกร วุฒิชัยพรกุล” นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) คนใหม่ กับพันธกิจเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมหนังสือไทย ผงาดเวทีโลก พร้อมดันไทยสู่ฮับหนังสือเอเชีย 
 
หลังเข้ารับตำแหน่ง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 “ณัฐกร วุฒิชัยพรกุล” พร้อมเดินหน้าตามพันธกิจของสมาคม PUBAT โดยเริ่มต้นภารกิจในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหนังสือไทยทันที ท่ามกลางความท้าทายมากมาย 

นายณัฐกร วุฒิชัยพรกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) คนใหม่ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหนังสือไทยในยุคใหม่ ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่พฤติกรรมการอ่านของประชาชนมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นักอ่านในปัจจุบันไม่เพียงแต่เลือกหนังสือที่ตัวเองสนใจเท่านั้น แต่ยังมีความนิยมในการอ่านผ่านอีบุ๊กและคอนเทนต์ออนไลน์มากขึ้น ทำให้สำนักพิมพ์ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ล้าหลัง นอกจากนี้การเติบโตในตลาดหนังสือไทยก็มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงในบางกลุ่ม 

วิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหนังสือสมาคมฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์สำคัญ 3 ด้านในการดำเนินงานของสมาคมในระยะ 3 ปีข้างหน้า ประกอบไปด้วย 

1. สนับสนุนให้สมาชิกเดินหน้าธุรกิจได้อย่างแข็งแรง : ในยุคที่อุตสาหกรรมหนังสือกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย การสนับสนุนสำนักพิมพ์และร้านหนังสือให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการจัดงานหนังสือฯ ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถสร้างรายได้ให้กับสมาชิก ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดในการขยายการจัดงานไปยังหัวเมืองรอง พร้อมกับการเพิ่มกิจกรรมที่ดึงดูดผู้เข้าร่วมงานให้มากขึ้น

2. ส่งเสริมการอ่าน : สมาคมฯ มุ่งเน้นในการสร้างการอ่านให้เป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งการมีนักอ่านหน้าใหม่จะสามารถขยายตลาดหนังสือให้เติบโตขึ้นได้ โดยแผนงานระยะยาวมีการปรับกลยุทธ์การตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และการใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการอ่านให้มากขึ้น 

3. จัดการและดูแลลิขสิทธิ์ : ที่ผ่านมาประเด็นเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือและการจัดการกับหนังสือปลอมถือเป็นปัญหาที่สำคัญ ซึ่งสมาคมฯ ได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยได้กำหนดมาตรการเข้มงวดเพื่อจัดการกับสำนักพิมพ์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ และจะมีการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการซื้อขายลิขสิทธิ์ (Rights Trading Center) ในเอเชีย เพื่อเพิ่มการซื้อขายลิขสิทธิ์ของหนังสือไทยในต่างประเทศ

“แม้จะมีความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอ่านและสภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก สมาคมฯ ยังมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการอ่าน สร้างการตระหนักรู้ในระดับสากล และเพิ่มความเข้มแข็งให้กับธุรกิจหนังสือในประเทศ การมีบทบาทอย่างต่อเนื่องในการสนับสนุนสมาชิกและการปรับตัวของสำนักพิมพ์ในท่ามกลางยุคดิจิทัลจึงเป็นก้าวสำคัญที่สมาคมฯ ต้องมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป” 

นายณัฐกร กล่าวว่า วันนี้จุดแข็งของสมาคมฯ คือ การมีคณะกรรมการสมาคมฯ ที่มีความรู้ ความชำนาญเฉพาะด้านที่หลากหลาย ในการเข้ามาช่วยขับเคลื่อนพันธกิจให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ การยกระดับอุตสาหกรรมหนังสือไทยให้เติบโตและยั่งยืนในระยะยาว แผนการดำเนินงานนับจากนี้จึงมุ่งมั่นไปที่  

1. การเชื่อมโยงสำนักพิมพ์และร้านหนังสืออิสระให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศของอุตสาหกรรมซึ่งปัจจุบันต้องยอมรับว่าสำนักพิมพ์และร้านหนังสือต้องรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก ผ่านการจัดงานหนังสือที่น่าสนใจและการส่งเสริมการขายหนังสือในรูปแบบที่เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น

2. ส่งเสริมการอ่าน กระตุ้นนักอ่านหน้าใหม่ และขยายตลาดในต่างประเทศ ซึ่งการกระตุ้นให้เกิดนักอ่านหน้าใหม่และเพิ่มการเข้าถึงตลาดหนังสือ ทั้งในรูปแบบหนังสือเล่มและอีบุ๊ก จะช่วยส่งเสริมการอ่านให้กว้างขวางขึ้น เพื่อให้ตลาดมีการเติบโตในระยะยาว รวมไปถึงการจัดการและป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์และหนังสือปลอม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสำนักพิมพ์และนักเขียน 

3. สร้างเครือข่ายการซื้อขายลิขสิทธิ์ในระดับสากล โดยสมาคมฯ จะเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายลิขสิทธิ์ (Rights Trading Center) ในเอเชีย ผลักดันการซื้อขายลิขสิทธิ์ที่มีมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านบาทภายใน 3 ปี พร้อมทั้งส่งเสริมการแปลผลงานเป็นภาษาอังกฤษเพื่ออำนวยความสะดวกในการขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการซื้อขายลิขสิทธิ์ในเอเชีย 

4. การขยายการจัดงานหนังสือฯ ไปสู่เมืองรองและการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในภูมิภาค เช่น นครราชสีมา, สุราษฎร์ธานี, และภูเก็ต เพื่อให้สำนักพิมพ์สามารถเข้าถึงตลาดในพื้นที่นั้นๆ และช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่น

5. การผลักดันให้เกิดการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณในการซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดทั่วประเทศ เพื่อสร้างโอกาสในการอ่านให้กับเด็กและเยาวชน และยังเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตหนังสือและส่งเสริมการอ่านอย่างยั่งยืน
 
แนวทางในการส่งเสริมการอ่านและบทบาทของรัฐบาลนายกสมาคม PUBAT คนใหม่ สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของการอ่านในประเทศไทยให้ฟังว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังคงเห็นการอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสอบหรือการศึกษามากกว่าความสนุกสนาน สมาคมฯ จึงมุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนแนวคิดนี้ โดยเชื่อว่าการส่งเสริมการอ่านสามารถทำให้คนไทยมีพฤติกรรมการอ่านที่ดีขึ้น ขณะที่บทบาทของภาครัฐก็ควรมีส่วนช่วย  แต่เมื่อเปรียบเทียบกับในต่างประเทศ ยังถือว่ามีสัดส่วนที่น้อย ดังนั้นจึงอยากเสนอแนะให้รัฐบาลเพิ่มงบประมาณในการซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดทั่วประเทศ เพื่อให้ราคาหนังสือถูกลง และกระตุ้นให้ห้องสมุดมีหนังสือใหม่ๆ ที่น่าสนใจ 

ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมหนังสือยังเป็นหนึ่งใน Soft Power ของประเทศ รัฐบาลจึงจำเป็นจะต้องสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันและขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมได้ ซึ่งวันนี้นอกจากหนังสือที่ได้รับการยอมรับและถูกนำไปแปลเป็นภาษาต่างๆ อย่างแพร่หลายในต่างประเทศแล้ว ยังมีการซื้อลิขสิทธิ์ไปจัดทำเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี ที่หลากหลายมากมาย ซึ่งหากรัฐบาลช่วยสนับสนุนและส่งผลก็จะเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในด้านดิจิทัลและการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเข้าถึงนักอ่านในยุคใหม่
สุดท้าย นายกฯสมาคมคนใหม่ ยังฝากถึงผู้ที่รอคอยงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ว่า มหกรรมหนังสือระดับชาติในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด "Melody of Books" ซึ่งจะมีสีสัน ความสนุกสนาน ไม่แพ้ครั้งก่อนๆ พร้อมกับกิจกรรมที่น่าสนใจ และเชื่อว่าจะสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่มาร่วมงานได้อย่างแน่นอน แล้วพบกันในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติในเดือนตุลาคมนี้ ตั้งแต่วันที่ 9-19 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

สำหรับ “ณัฐกร วุฒิชัยพรกุล” ถือเป็นหนึ่งในผู้คร่ำหวอด คลุกคลีอยู่ในอุตสาหกรรมหนังสือเมืองไทยมากกว่า 15 ปี เริ่มต้นธุรกิจสำนักพิมพ์ ภายใต้ชื่อ สำนักพิมพ์ เวิร์ด วอนเดอร์ ด้วยจุดเด่นการนำเสนอหนังสือจากต่างประเทศทั่วโลก ที่ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายมาแปลเป็นภาษาไทย โดยผลงานที่โดดเด่นได้แก่ Fevre Dream เรือรัตติกาล, The Graveyard Book ผจญภัยในสุสาน, The Poppy War สงครามดอกฝิ่น และ Mistborn The Final Empire มิสต์บอร์น อาณาจักรไฟนอล เป็นต้น 
 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ