สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว.ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศิลปากร และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แถลงความสำเร็จการดำเนินงานโครงการขับเคลื่อนให้ MSME ปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ตอบสนองต่อมาตรฐาน/การกีดกันทางการค้า ปีงบประมาณ 2568
ดร.ปณิตา ชินวัตร รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. มีการผลักดันผู้ประกอบการต่อเนื่องมาปีนี้เป็นปีที่ 3 ดำเนินการทั่วประเทศ มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการกว่า 510 ราย เน้นคำนึงถึงเศรษฐกิจสีเขียว การปรับแผนธุรกิจให้พร้อมกับมาตรฐานใหม่ ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ อย่างยั่งยืน โดยจัดทีมที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ ลงพื้นที่เชิงลึก ณ สถานประกอบการ 5 ครั้ง ต่อกิจการ มุ่งเน้นในด้านการคำนวณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร/ผลิตภัณฑ์ (CFO/CFP) พร้อมนำร่อง Sandbox เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ปรับใช้แนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม มุ่งเน้นกลุ่ม Green Hotel ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรม พัฒนาต้นแบบในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและอาหาร กลุ่มโลจิสติกส์ เพื่อพัฒนาแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการขนส่ง เป็นต้น
โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ทำให้ SME มีความพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาส ทางการค้าในตลาดโลก ซึ่งเกิดจากความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการส่วนหนึ่ง และได้รับความร่วมมือการเชื่อมโยง และสร้างเครือข่ายของหน่วยงานผู้ให้บริการธุรกิจสีเขียว ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ในการให้คำปรึกษาแนะนำ และช่วยผลักดันให้การปรับเปลี่ยนของ SME เป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ดร.ปณิตา ระบุว่า ความสำเร็จในวันนี้ สสว.มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ในปี 2568 ก้าวสู่เป้าหมายสำคัญในอนาคต นั่นคือการยื่นขอการทวนสอบ (Verification)คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรหรือผลิตภัณฑ์(CFO/CFP) อย่างเป็นทางการภายในปี 2569 การทวนสอบนี้จะเป็นการรับรองที่น่าเชื่อถือในระดับสากล ว่าองค์กร/ผลิตภัณฑ์ของ SME ไทยได้ผ่านการคำนวณและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐานอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นแต้มต่อที่สำคัญในการแข่งขันทางการตลาดในเวทีโลกต่อไป
นอกจากนี้ ภายใต้โครงการมีการพัฒนา เว็บไซต์ Green SME Index - การประเมินตนเอง (Self-Assessment) ได้มีการเพิ่มส่วนของการประเมินศักยภาพในการประหยัดพลังงาน การประหยัดน้ำและการลดของเสียและปริมาณการใช้วัตถุดิบ ต่อยอดไปจากมิติที่ 1 Sustainability Management เพื่อให้สามารถประเมินโอกาสในการยกระดับความเป็นธุรกิจสีเขียวในเชิงปริมาณได้ ซึ่งข้อมูลเชิงปริมาณที่ได้จะเป็นประโยชน์ในการกำหนดทิศทางและนโยบาย รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้การพัฒนาและส่งเสริม MSME ของประเทศสามารถดำเนินไปได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
สสว. มุ่งหวังให้ Green SME Index เป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ในวงกว้าง ตั้งใจออกแบบให้เป็นบันไดขั้นต้นสำหรับการพัฒนา MSME ไปสู่มาตรฐานระดับชาติและระดับนานาชาติ และมุ่งให้มีความเชื่อมโยงกับมาตรฐานต่างๆ ที่มีอยู่ โดยการพัฒนา Green SME Index อยู่บนพื้นฐานของแนวคิดด้านเศรษฐกิจสีเขียว, ESG, BCG และ SDGs เพื่อความยั่งยืนและแข่งขันได้ในตลาดโลก ดร.ปณิตา กล่าวปิดท้าย